• Welcome to รวมเครื่องรางของขลังทุกทิศทั่วไทย.
 

ฝากผีไว้กับพระ

เริ่มโดย บอย ท่าพระจันทโครพ, ธ.ค 18, 2022, 11:23 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

บอย ท่าพระจันทโครพ

ก่อนที่จะเข้าเรื่อง ผมขอพาทุกท่านนั่งทามแมชชีนย้อนไป พ.ศ. 2520  สมัยนั้นไม่ได้มีเทคโนโลยี่อะไรเลยแต่แปลก ที่เรารู้สึกใช้ชีวิตคุ้มค่ามากกว่าปัจจุบัน  โดยเรื่องนี้เริ่มจากน้าชายของผมที่ชอบไปเล่นที่วันจน กลายเป็นเด็กวัดไปบริยาย และต่อจากนี้ผมจะแทนตัวน้าชายเป็นตัวผมเองเพื่อให้ท่านผู้ฟังไม่สับสน

เรื่องนี้เริ่มจากที่ผมไปเล่นที่วัดบ่อยๆ  เจ้าอาวาสและพระลูกวัดต่างเอ็นดูในตัวผมเพราะเป็นคนใช้ทำอะไรก็ทำ  คนสมัยนั้นเวลามีคนเสียชีวิตส่วนมากจะฝังไว้ก่อนจะนำมาประกอบพิธีทีหลัง เนื่องจากทุนทรัพย์ไม่พอ  จนมีอยู่ช่วงหนึ่งเกิดมีเหตุการโขมยศพของเศรษฐีเพื่อนำไปเรียกค่าไถ่เกิดขึ้น  ทางเจ้าอาวาสจึงจัดโครงการ " ฝากผีไว้กับพระ " คล้ายๆกับโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ โดนเจ้าหน้าคงหนีไม่พ้น เด็กวัด สัปเสร่อ สามเณร หลวงพี่ หลวงพ่อผลัดกันไปเฝ้า โดยศพจะไว้ที่ศาลา ใครได้เวรกลางวันก็ยิ้มหน้าบาน ใครได้เวรกลางคืนนี้หน้าซีดเป็นไก่ต้ม....

ผมเองก็อาสาเฝ้าเนื่องจากอยากอยู่กับเพื่อนๆ เด็กวัด +กับตอนนั้นช่วงใกล้เมษายนจึงมีการจัดเตรียมทำพิธีบวชสามเณรภาคฤดูร้อน เพื่อนๆจึงไปร่วมที่นั้นข่อนข้างเยอะ โดยผมได้ขออนุญาตจากพ่อและแม่พวกท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร
แต่ให้ผมกลับมากินข้าวเย็นที่บ้านด้วย ผมก็ครับๆไป

ผมไปเฝ้าอยู่แบบนั้นอยู่หลายอาทิตย์ จนสัปเหร่อที่เข้ากลางคืนเกิดป่วย หลวงพ่อเจ้าอาวาสจึงขออาสาว่าใครจะแทน และเป็นที่แน่นอนทุกคนต่างพูดสามัคคีกันว่า

 " เฮ้ย มึงสิ , เณรนั้นแหละ , หลวงพี่เหอะ อ้าวหลวงตาไปมั้ยครับ "
 
ทุกคนต่างเกี่ยงกันสุดท้ายหลวงพ่อจึงทำการ ตัดสิ้นยุทติธรรม ให้จับกระดาษใครจับได้ไม่มีอะไรเขียนก็รอด ผลประกาศผู้โชคดีคือ ผม และหลวงพี่ชู..

พอประกาศรายชื่อเสร็จปุ๊บผมกับหลวงพี่ชูนี่ถึงกับเขาแทบทรุด ส่วนคนอื่นๆก็กระโดดโลดเต้นดีใจกันใหญ่ ผมและหลวงพี่ชูที่ขัดขืนอะไรไม่ได้ก็ต้องจำใจเตรียมข้าวของเพื่อที่จะไปเฝ้าเวรในคืนนี้ ผมจึงจัดแจงของบนศาลา และก็กลับบ้านทานข้าวเพื่อรอเข้าเวรยามดึก...

พอถึงเวลาพ่อก็ได้ไปส่งผมที่วัด ผมจึงรีบไปกุฏิของหลวงพี่ชูเพื่อที่จะได้ไปพร้อมๆกัน  ผมเดินมาไม่นานก็ได้มาเจอหลวงพี่ชูยืนรออยู่พอดีพร้อมกับบรรดาเพื่อนๆเด็กวัด

" หลวงพี่ๆ เขาว่าวันนี้มีศพผีตายโหงมาตั้งอีกศพ เขาว่าผีตายโหงนี้เฮียนนะหลวงพี่นะ "

เด็กวัดคนหนึ่งได้พูดขึ้นและ หลวงพี่ชูก็ถึงกับสดุ้งอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่ท่านจะตอบว่า

" ผีเจาะปากให้มาพูดรึไงพวกเอ็ง "

พวกเด็กวัดก็พากันหัวเราะขบครันรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งหลวงพี่ จากนั้นผมกับหลวงพี่ก็พากันเดินไปศาลาที่มีโรงศพตั้งอยู่3ศพ ผมก็แปลกใจเพราะตอนแรกมีอยู่ศพเดียว ถ้ามาเพิ่มก็ต้องเป็น2 แต่นี่มี3 แต่ผมก็ไม่คิดอะไรมาก...

ผมกับหลวงพี่ชูนั่งเฝ้ากันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งดึกสงัด เสียงแมงกลางคืนก็พากันร้องเสนาะหูแต่หลวงพี่ชูเฝ้าพระอินก่อนไปแล้ว ผมในตินนั้นก็ได้แต่นั่งภาวนาในใจ ขอให้คืนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเถอะ  แต่เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะรับรู้และได้บรรดาลเสียงปริศนา..

" กุ๊กกักๆๆ "

เสียงนั้นดังขึ้นบริเวณโลงศพโลงที่2ที่อยู่ตรงกลาง ผมนี่นั่งตัวสั่นเหงื่อแตกพลั่กๆ เสียงนั้นมันก็ยังดังอยู่เรื่อยๆแถมยิ่งทวีความดังขึ้นเรื่อยๆ และเป็นเพราะอะไรไม่ทราบ ที่ทำให้ผมตัดสินใจเดินไปทางโลงศพที่มีเสียงประหลาดเกิดขึ้น..

จังหวะที่ผมค่อยๆเดินไปหัวใจผมก็เต้นตุ๊บตั๊บตุ๊บตั๊บตุ๊บตั๊บอย่างกับกลองชุด แต่พอเดินเข้าไปใกล้กลับโลง เสียงนั้นก็เงียบไปผมก็ถึงกลับถอนหายใจออกมาแบบโล่งอก

" ปัง!!!!!  "

จู่ๆก็มีเสียงดังสนั่นออกมาจากโรงศพทำให้ฝาโลงถึงกับกระเด็นลอยขึ้นไปในอากาศ และก็มีมือยื่นออกมาจากโรงศพ  ผมถึงกลับซะท้าน โดดทีเดียวไปถึงที่หลวงพี่ชูกำลังหลับ คิดว่ายังไงผีมันก็ต้องกลัวฤทธิ์ผ้าเหลืองบ้างแหละว่ะ ผมไม่รอช้าเขย่าหลวงพี่ชู

" หลวงพี่ๆๆๆ.ตื่นๆๆๆ "

หลวงพี่ชูก็งัวเงียงัวเงีย ตื่นขึ้นมาและถามผมเป็นอะไร ผในั้นตอนนั้นพูดไม่ออกไม่รู้จะพูดยังไง แต่หลวงพี่ชูเหมือนจะรู้ว่าผมจะสื่ออะไรเลยเหลือลงไปมองข้างหลังผมที่เป็นที่ตั้งโรงศพ พอหลวงพี่มองแค่นั้นแหละถึงกลับร้อง

" เห้ย!!! '

ลุกพรวดเตรียมจะวิ่ง แต่ก็ไม่ได้วิ่งไม่ได้หรอกครับไม่ใช่เพราะขาแข็งหรอกครับ แต่เป็นเพราะผมเกาะขาดึงสบงท่านไว้อยู่  ผมเกาะแน่นไม่ยอมโดนหลอกคนเดียวแน่ หลวงพี่ก็ร้อง

" ปล่อยๆๆ โยมปล่อยอาตมาทำแบบนี้มันบาปนะโยม "

หลวงพี่รีบยกบาปบุญคุณโทษมากล่อมให้ผมปล่อย แต่ก็ว่าล่ะครับวินาทีนั้นผีมันน่ากลัวกว่าบาปบุญ100เท่า  ผมกลับหลวงพี่ชูยื้อยุดฉุดกระชากกันแบบนั้น ซักพักก็มีเสียงโครมม!!!!! 
เป็นเสียงโลงศพนั้นได้ล้มลงมาจากที่ตั้งศพนี่กลิ้งกลุกๆๆ  แค่นั้นแหละผมกับหลวงพี่ชูวงแตก หลวงพี่ชูโดดลงศาลาเป็นสบงบาน เป็นแบทแมนสยายปีก ความสำร่วมไม่เหลือแล้ว ผมก็ไม่น้อยหน้าวิ่งหน้าตั้งตามหลวงพี่ไปติดๆ  ถือซะว่าคนเดียวหัวหาย2คนเพื่อนตาย ระหว่างวิ่งก็ได้ยินไอ้ผีในโลงตะโกนบอกให้หยุดๆๆๆ  ไอ้ผมก็คิดในใจ

" ใครจะโง่หยุดให้มึงหลอก "

ผมกับหลวงพี่ชูพากันวิ่งไปบนกุฏิของเจ้าอาวาส พอไปถึงก็ไม่รอให้เจ้าอาวาสมาเปิดกลัวผีมันตามมา หลวงพี่ชูกระโดดถวายเท้าคู่ถีบประตูกุฏิจนพัง หลวงพ่อเจ้าอาวาสสะดุ้งตื่นตกใจนึกว่าฟ้าผ่า  ผมกับหลวงพี่ชูก็ไม่รอช้าไปขดตัวนอนอยู่ในห้องของหลวงพ่อ  หลวงพ่อก็งงถามว่าเป็นอะไรผมกับหลวงพี่ชูก็ได้แต่พูดว่าผีหลอกๆ 

หลวงพ่อเจ้าอาวาสจึงบอกให้ใจเย็นๆและให้พาไปดู โอ้โหคราวนี้งานใหญ่เลยเพิ่งจะหนีมันมาถ้ากลับไปหามันอีกเหรอ แต่คราวนี้ชอบอาวาสได้ปลุกพระเณรเด็กวัดทุกคนออกมารวมตัวไปพร้อมๆกัน อย่างน้อยคนไปเยอะๆก็อุ่นใจผมกับหลวงพี่ชูก็เลยพากันนำทางโดยหลบอยู่หลังหลวงพ่อ ตอนนี้ในมือทุกคนนี่มีพระพุธรูปอยู่ในมือทั้งนั้น

พอไปถึงที่ศาลาก็ถึงกับเหวอเพราะได้เห็น ลุงโก้ขี้เมาประจำหมู่บ้านนั่งรออยู่

" หลวงพี่!! พากันรีบวิ่งไปไหนเนี่ยผมเรียกก็ไม่หยุด "

ลุงโก้พูดขึ้น ผมกับหลวงพี่ชูถึงกับร้องอ้าว!!
หลวงพ่อจึงถามด้วยความสงสัย

" แล้วเรื่องมันเป็นยังไงมายังไงน่ะโยมตาโก้ไปนอนในโรงทำไมฮึ "

ลุงโก้จึงเริ่มเล่าว่าแกนั้นได้ดื่มจนเมาหนักไปหน่อยและจะมาแล้วอยู่ดีๆภาพก็ตัดตื่นอีกทีก็อยู่ในห้องแคบๆมืดๆหายใจไม่ออก จึงพยายามระเกียกตะกายออกมา แต่ทว่ามันก็ไม่หลุดตนจึงพยายามใช้แรงทีเดียวฝ่าโลงศพนั้นมันจนกระเด็นแล้วก็พาดกลิ้งตกลงมาเห็นหลวงพี่กับผมนี่แหละโดดลงจากศาลาแล้วก็วิ่งหนีไปเลย

ลุงโก้เล่าจบผมกับหลวงพี่ชูก็ถึงบางอ้อในทันที แหมแสบจริงๆตาโก้  พอทุกอย่างคลี่คลายหลวงพ่อก็ให้ทุกคนเตรียมแยกย้ายไปเข้านอนแต่อยู่ดีๆผมก็รู้สึกสนิทใจขึ้นมาเลยพูดถามหลวงพ่อไปว่า

" หลวงพ่อครับแล้วอีกศพล่ะครับผมเห็นมันมี 3 โรงก็ต้องมี 3 ศพสิครับแล้วศพมันหายไปไหน? "

บรรยากาศที่กำลังจะครึกครื้นก็กลับมาเงียบสงัดอีกครั้งแล้วอยู่ดีๆไฟในศาลาก็ดับพรุบ หมาในวัดระงมหอน  ทุกคนรีบเข้ามารวมตัวกันในวงกลมแต่ลุงโก้ที่เมานั้นก็ไม่ได้เข้ามารวมได้อย่างใดพูดไปว่า

" โอ้โหกลัวอะไรทั้งพระทั้งเณร ผีมันไม่กล้ามาหลอกต่อหน้าพระหรอก "

ทันทีที่ลุงโก้พูดจบก็มีเสียง 1 ดังขึ้น

" มึงมั่นใจมาจากไหน~~~~ "

สิ้นเสียงนั้นก็มีอะไรตกใส่ลุงโก้และก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเสียงเสียงนั้นเป็นเสียงเหมือนกับถุงน้ำตกใส่คนและแตก น้ำได้กระเด็นมาโดนพวกผมและพระและทันใดนั้นไฟก็ได้ติดขึ้น และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้กับพวกผมช็อคนั่นคือศพที่บวมอืดทับลุงโก้เละเทะร่างกายได้แตก เละเทะไส้ออกมากอง หนอนยั้วเยี้ย  บางคนก็พากันวิ่งหนีแต่ผมวิ่งไม่ไหวแล้วล่ะครับ ผมถึงกับอ้วกแตกตรงนั้น คราวนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เลย โดยเรื่องนี้ก็ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่โจทย์ขาลกันมารุ่นสู่รุ่นในหมู่บ้านผม  และไม่มีใครรู้ว่าศพไม่อยู่บนนั้นได้ยังไงและตกลงมาได้อย่างไร

You cannot view this attachment.