• Welcome to รวมเครื่องรางของขลังทุกทิศทั่วไทย.
 

พระผงหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ปี 2520

เริ่มโดย จ่าดับ จับเปาะะ, พ.ค 12, 2023, 08:21 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

จ่าดับ จับเปาะะ

พระผงหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย ปี 2520
พิมพ์กลาง (รุ่นประสบการณ์)
นับเป็นวัตถุมงคลยอดนิยมอีกรุ่นของชาวหนองคายและสาธุชนที่มีจิตศรัทธาทั้งหลาย โดยทางวัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง ได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคล "หลวงพ่อพระใส" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง เป็นศูนย์รวมใจของพุทธศาสนิกชนทั้งในจังหวัดหนองคาย และพื้นที่ใกล้เคียง ครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2520 มีการนิมนต์พระเกจิอาจารย์ ที่มีชื่อเสียงมากมายในสมัยนั้น เข้าร่วมพิธีด้วย โดย แบ่งพระคณาจารย์ เข้านั่งปรกในพิธีทั้งสิ้นถึง 5 ชุด
นอกจากพระคณาจารย์ที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าไปนั่งปรกตามรอบเวลา ทั้ง 5 ชุดแล้ว ตามเอกสารยังระบุนามพระที่นั่งปรกเป็นพิเศษโดยไม่จำกัดเวลาอีก 1 องค์ ได้แก่
• หลวงพ่อเจีย วัดถ้ำเจือ หนองคาย
ความน่าสนใจของวัตถุมงคลชุดนี้ แค่เพียงความศักดิ์สิทธิ์ของ "หลวงพ่อพระใส" พระคู่บ้านคู่เมือง เชื่อได้ว่าเพียงพอที่จะแผ่บารมีคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ของผู้ครอบครองได้ หากแต่เมื่อพิจารณาถึงรายนามพระคณาจารย์ชื่อดังแห่งยุคนั้นทั้งหลายที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิต ในพิธีพุทธาภิเษกที่จัดขึ้นอย่างเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนพุทธศิลป์ที่สวยงามกดพิมพ์ได้คมชัดลึกแทบทุกองค์ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตถุมงคลรุ่นนี้ เป็นที่นิยมของทั้งชาวหนองคายและผู้คนทั่วไป ซึ่งต่อมายิ่งโด่งดังมากขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ที่นำความโศกสลดมาสู่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ในวันที่ 27 เมษายน 2523 ในครั้งนั้นพระคณาจารย์พระป่ากัมมัฏฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ได้รับอาราธนาจากทางสำนักพระราชวัง ทั้งหมดจำนวน 5 รูปด้วยกัน
ได้แก่คือ พระอาจารย์บุญมา ฐิตเปโม
       พระอาจารย์วัน อุตฺตโม
       พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ
       พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
       พระอาจารย์สุพัฒน์ สุขกาโม
หลังจากรับนิมนต์พระคณาจารย์ทั้งหมดจึงได้ไปรวมกันที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อขึ้นเครื่องบินเที่ยวบิน TG 231 อุดรธานี-กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเครื่องบิน 2 ใบพัด รุ่น HS-748 รหัส HS-THB บินออกจากท่าอากาศยานอุดรธานี จะไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เพราะลูกศิษย์ลูกหาต้องการถวายความสะดวกและความรวดเร็วในการเดินทาง
ครั้นเมื่อเครื่องบินมาถึงท้องนาทุ่งรังสิต เขตหมู่ที่ 4 ตำบลคลองสี่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เหลือระยะทางอีเพียงประมาณ 20 กิโลเมตรเศษ เครื่องบินได้ตั้งลำและลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงสู่สนาม แต่เนื่องจากเครื่องบินได้ประสบพายุหมุน ประกอบกับมีพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก มีลมกระโชกแรง เกินที่นักบินจะควบคุมเครื่องให้ลงจอดได้อย่างปลอดภัย สุดท้ายจึงเสียการควบคุมตกลงมากระแทกกับพื้นดินบนท้องนาทุ่งรังสิต ทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องจำนวน 53 คน เสียชีวิตไปถึง 40 คน อุบัติเหตุเครื่องบินตกในครั้งนั้นเป็นเหตุทำให้ พระคณาจารย์ทั้ง 5 รูป ได้ถึงแก่มรณภาพลงพร้อมกันกับผู้โดยสารอีกเป็นจำนวนมาก
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 นาฬิกา มีผู้ที่รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์จากเหตุการณ์ดังกล่าวเพียง 13 คนเท่านั้นส่วนใหญ่เป็นผู้ที่นั่งทางส่วนท้ายของเครื่องบิน เพราะส่วนหางของเครื่องบินยังอยู่ในสภาพดี และหนึ่งในนั้นคือ นายสมพร กลิ่นพงศา ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคายในขณะนั้น ส่วนอีกคนนั้น คือ นายศักดา อัครเมธาทิพย์ อดีตผู้บัญชาการเรือนจำหนองคาย
ก่อนขึ้นเครื่องได้ไปนมัสการ หลวงพ่อพระใส พร้อมทั้งเช่าบูชาวัตถุมงคล และพระบูชาขนาดหน้าตัก 5 นิ้วนำติดตัวขึ้นเครื่องมาด้วย และอีกหลายคนที่รอดตายอย่งเหลือเชื่อนี้ ก็มีพระรุ่นนี้อาราธนาติดตัวอยู่เช่นกัน จากประสบการณ์เฉียดตายในครั้งนี้
ทำให้ความนิยมในวัตถุมงคลรุ่นนี้เพิ่มมากขึ้น จนนักสะสมในพื้นที่มักเรียกขานพระใสเนื้อผงรุ่นปี 20 นี้ว่า "รุ่นประสบการณ์(เครื่องบินตก)" นับเป็นพระใสเนื้อผงยอดนิยม ประสบการณ์สูง ที่คนพื้นที่หวงแหนกันมาก จนค่อนข้างจะหายากแล้วในขณะนี้ โดยเฉพาะพระสวยสมบูรณ์ กดพิมพ์ได้คมชัด ผิวเดิม ๆ คนที่มีอยู่ก็มักเก็บไว้เป็นมรดกตกทอดให้ลูกหลานไว้เป็น สิริมงคลแก่ตัว
วัดโพธิ์ชัย เดิมชื่อ "วัดผีผิว" วัดนี้ใช้เป็นที่เผาผีหรือเผาศพ ในสมัยก่อนผีดุ มาก จนต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดโพธิ์ชัย ในสมัยรัตนโกสินทร์นี้เองปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระใส ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย สมัยเชียงแสนชั้นหลัง หล่อด้วยทองสุก (เป็นทองคำที่มีเนื้อบริสุทธิ์ ประมาณ 92 เปอร์เซ็นต์ สีของเนื้อทองคำจะมีสีเหลืองเข้ม เรียกว่า สีทองสุก) พุทธลักษณะงดงามมาก ขนาดหน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว สูงจากเบื้องล่างจากส่วนพระชงฆ์(เข่า) ถึงยอดพระเกศ 4 คืบ 1 นิ้ว มีห่วงกลมขนาดหัวแม่มือ จำนวน 3 ห่วงติดกับพระแท่นซึ่งหล่อติดกับองค์พระ สำหรับผูกเชือกติดกับราชยาน เวลาที่อัญเชิญลงมาแห่รอบเมืองให้ประชาชนได้สรงน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี
หลวงพ่อพระใส ตามตำนานว่าจัดสร้างขึ้นโดย พระราชธิดาในพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างร่มขาว ทั้ง 3 พระองค์ คือ พระสุก พระเสริม และพระใส
เดิมทีนั้น หลวงพ่อพระใส ได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทน์ พ.ศ.2321สมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญไปไว้ที่เมืองเวียงคำ และต่อมาได้นำมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์อีก ในรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันทน์ประพฤติเป็นกบฎ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยตั้งขบวนมาจากภูเขาควาย จากนั้นจีงนำขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม ครั้นเมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่น เกิดเหตุอัศจรรย์โดยเหตุที่มีพายุพัดแรงจัด แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงไปในน้ำ และบริเวณนั้นได้นามว่า "เวินแท่น"
การล่องแพก็ยังล่องมาตามลำดับจนถึงน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง ในอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ได้เกิดพายุใหญ่ เสียงฟ้าคำรามกัมปนาทกึกก้อง จนในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ หลังเกิดเหตุดังกล่าวอาการวิปริตผิดธรรมชาติต่างๆที่เกิดขึ้น ก็ได้ปลาสนาการหายไปเป็นที่อัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวินสุก" และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้
ก็ยังเหลือแต่พระเสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้นได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใส ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบันคือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ)
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัย หนองคายไปพระนคร และอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธื์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหัก จึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม ส่วน"หลวงพ่อพระใส"ได้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย ในอำเภอเมืองหนองคาย จนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุอัศจรรย์จากความศักดิ์สิทธิ์ของ"หลวงพ่อพระใส"นี้เอง จึงมีผู้ถวายสมัญญานามท่านอีกสมญาว่า "หลวงพ่อเกวียนหัก"


ขอบคุณ เทพshop