• Welcome to รวมเครื่องรางของขลังทุกทิศทั่วไทย.
 

พระชัยวัฒน์ กะไหล่ทอง สมเด็จพระสังฆราช(แพ)

เริ่มโดย ผู้สาวมักเมา, ธ.ค 22, 2023, 08:46 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ผู้สาวมักเมา

ข้อมูลประวัติ สมเด็จพระอริยวาศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) วัดสุทัศน์เทพวราราม
พระสังฆราชองค์ที่ 12 พ.ศ. 2481-2487
สมเด็จพระสังฆราช วัดสุทัศน์เทพวราราม พระนามเดิมว่า แพ พระฉายานาม ติสสเทว ประสูติในรัชกาลที่ 4 วันพุธ เดือน 12 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง จุลศักราช 1218 ตรงกับวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2399 บิดาชื่อ นุตร์ มารดาชื่อ อ้น เป็นชาวสวนบางลำภูล่าง อำเภอคลองสาน จังหวัดธนบุรี มีพี่น้องร่วมมารดาบิดาเดียวกันรวม 7 คน คือ
1. นางคล้าม
2. สมเด็จพระสังฆราช (แพ)
3. หลวงพุทธพันธพิทักษ์ (อยู่)
4. นางทองคำ พงษ์ปาละ
5. นางทองสุข
6. นายชื่น
7. นายใหญ่
เมื่อพระชนมายุได้ 7 ขวบ ได้ไปศึกษาอักขระสมัยอยู่ที่วัดทองนพคุณ เนื่องจากท่านบิดาเลื่อมใสในสมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) มาตั้งแต่ท่านยังครองวัดนพคุณ ครั้นชนมายุได้ 13 ปี จึงพาไปถวายเป็นศิษย์สมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) เมื่อครั้งยังเป็นพระธรรมวโรดม มาอยู่วัดราชบูรณะ ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อปี พ.ศ. 2411 แล้วกลับไปเล่าเรียนอยู่วัดทองนพคุณตามเดิม ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักพระอาจารย์โพ วัดเศวตรฉัตร
ครั้นถึงรัชกาลที่ 5 เมื่อชนมายุได้ 16 ปี สมเด็จวันรัต (สมบูรณ์) ให้ไปรับมาอยู่กับท่านที่ วัดพระเชตุพน เพราะสมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) ได้มาอยู่ในวัดนั้น ได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรมกับสมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) เป็นพื้น นอกจากนั้นได้เล่าเรียนกับเสมียนตาสุขบ้าง พระโหราธิบดี (ชุ่ม) บัาง พระอาจารย์โพบ้าง ได้เข้าสอบพระปริยัติธรรมเป็นครั้งแรกที่พระที่พระที่นั่งสุทไธสวรรย์ เมื่อปี พ.ศ. 2419 แต่แปลตกหาได้เป็นเปรียญในปีนั้นไม่
และในปี พ.ศ. 2419 นั้นเอง อายุครบอุปสมบท แต่สมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) อาพาธ ต้องอยู่ประจำเพื่อพยาบาล จึงมิได้มีโอกาสอุปสมบท และเมื่อสมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) ใกล้ถึงมรณภาพนั้น ท่านแนะนำให้ไปอยู่เป็นศิษย์สมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ แต่ครั้งยังเป็นพระเทพกวี
ครั้นสมเด็จพระวันรัต (สมบูรณ์) มรณภาพแล้ว จึงได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์สมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วอุปสมบทที่วัดเศวตรฉัตรอันอยู่ใกล้เป็นบ้านและสำนักเรียนเดิม เมื่อปี พ.ศ. 2422 แล้วมาอยู่ที่วัดสุทัศน์กับสมเด็จพระวันรัต (แดง) ต่อมา ในตอนนี้ได้เล่าเรียนกับสมเด็จพระวันรัต (แดง) เป็นพื้นและได้ไปเรียนกับสมเด็จพระสังฆราช (สา) วัดราชประดิษฐ์บ้าง
เมื่อสมเด็จพระวันรัต (แดง) เมื่อครั้งยังเป็นพระเทพกวี ได้เลื่อนเป็น พระธรรมวโรดม ได้ตั้งให้ท่านเป็นพระครูใบฎีกา ใน ฐานานุกรมตำแหน่งนั้น แล้วเลื่อนเป็นพระครูวินัยธรโดยลำดับ เมื่อเป็นพระครูวินัยธรได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมเป็นครั้งที่ 2 ที่พระที่นั่งพุทธไธสวรรย์ เมื่อปี พ.ศ. 2425 ได้เป็นเปรียญ 4 ประโยค ต่อมาปี พ.ศ. 2428 เข้าแปลพระปริยัติธรรมอีกเป็นครั้งที่ 3 ที่พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม แปลได้อีกประโยค 1 รวมเป็น 5 ประโยค
ปี พ.ศ. 2423 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระศรีสมโพธิ์ ถึงปี พ.ศ. 2439 อันเป็นวันในรัชกาลแห่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวครบหมื่นวันแห่งการเสวยราชย์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเสมอพระราชาคณะชั้นเทพในราชทินนามเดิม พระราชทานตาลิปัตรแฉกประดับพลอย และเพิ่มนิตยภัต ในคราวเดียวกันกับที่ได้โปรดให้ พระธรรมวโรดม (แสง) วัดราชบูรณะ เป็นสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ถึงปีจอ พ.ศ. 2441 ทรงตั้งเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่พระเทพโมลี สถิต ณ วัสดุทัศน์เทพวราราม ราชวรมหาวิหาร มีนิตยภัตเดือน 4 ตำลึงกึ่ง
ต่อมา พ.ศ. 2443 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนพระเทพโมลีเป็นพระธรรมโกศาจารย์ สุนทรญาณนายกตรีปิฏกมุนี มหาคณาธิบดีสมณิศร บวรสังฆราม คามวาสี สถิต ณ วัดสุทัศน์เทพวราราม ราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวง
ถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระราชทานหิรัญบัฎ ทรงเลื่อนสมณศักดิ์เป็นที่พระพรหมมุนี เมื่อปี พ.ศ. 2455
พระชัยวัฒน์ กะไหล่ทอง รุ่นนี้จัดสร้างโดยคณะศิษย์ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) นำโดย พระยาศุภกรบรรณสาร (นุ่ม วสุธาร) ได้ร่วมกันกราบทูลขออนุญาตเททองหล่อพระชัยวัฒน์เพื่อบูชาติดตัว ในช่วงที่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ยังครองสมณศักดิ์ที่ พระพรหมมุนี พระชัยวัฒน์รุ่นนี้สร้างในระหว่างปี ๒๔๕๘-๒๔๖๐ เป็นเนื้อนวโลหะ เนื้อในแดงสีนาก ขึ้นประกายเงินเล็กน้อย และกลับดำ ใต้ฐานบางองค์มีการจารึกพระนามพระพุทธเจ้า บางองค์จารึกอักขระบาลีนำหน้าหมายเลขไทย อันหมายถึงห้องพุทธคุณ พระชัยวัฒน์ กะไหล่ทอง รุ่นนี้ เมื่อเททองหล่อแล้วเสร็จ แต่ละตระกูลได้นำไปให้ช่างของตนเองแต่งสวยงาม พระชัยวัฒน์รุ่นนี้จึงมีการแต่งองค์พระแตกต่างกันไปในแต่ละตระกูล เท่าที่สืบทราบมีตระกูล วสุธาร-ดารากรณ์-จารุปกรณ์-ไกรฤกษ์ ฯลฯ •••ความงดงามเป็นเลิศแล้วที่สำคัญความหาอยากไม่ต้องพูดถึงหรือว่าเป็นพระชัยวัฒน์เป็นที่หมายปองของทั้งนักเล่นพระรุ่นเก่าแล้วนักเล่นพระรุ่นใหม่ แล้วการสร้างแต่ละครั้งนั้นถ้าดูตามฤกษ์ตามกำลังวันจึงทำให้พระชัยกะไหล่ทองนี้มีน้อยแล้วหายากเป็นที่สุด ถือว่าเป็นพระชัยสุดยอดอันดับต้นๆของประเทศไทยเลยก็ว่าได้ครับ สนใจติดต่อเรา คุณพระคุ้มครอง


ขอบคุณ ศูนย์พระเครื่องคุณพระคุ้มครอง