• Welcome to รวมเครื่องรางของขลังทุกทิศทั่วไทย.
 

เด็กวัดสายหลอน

เริ่มโดย บอย ท่าพระจันทโครพ, ธ.ค 16, 2022, 01:33 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

บอย ท่าพระจันทโครพ

อะแห่มๆๆๆๆ คิดว่าผมจะไม่ลงเรื่องอะจี๊~~ ><!  ช่วงนี้มาสายขออภัยน๊าาาวันนี้แอดจัดให้2เรื่องเยยยยยย 

เรื่อง1 : เด็กวัดสายหลอน

เมื่อตอนสมัยเด็ก​ ๆ​ ผมเคยเป็นเด็กวัด ซึ่งการที่เราเป็นเด็กวัดนั้น แน่นอนเราก็ต้องช่วยงานหลาย​ ๆ​ อย่างให้กับทางวัด

แล้วมีอยู่คืนหนึ่ง ช่วงเวลาก็ประมาณ 2 - 3� ทุ่มน่าจะได้ หลวงพี่ท่านก็ใช้ให้ผมเดินไปเอาบาตรที่ศาลาวัด​ เพื่อจะที่จะนำมาล้าง ซึ่งศาลานี้ก็อยู่ห่างจากกุฏิของหลวงพี่ประมาณ 100 เมตร

ลองนึกภาพตามกันดูนะครับ เป็นภาพของวัดที่อยู่ในชนบท​ ห่างไกลความเจริญ​ อยู่จังหวัดสุรินทร์ ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ต้นใหญ่​ ๆ​ บริเวณโดยรอบ​ และท่ามกลางความมืดนี้...ก็เต็มไปด้วยเสียงจิ้งหรีด​ร้องกันดังระงม​ไปทั่ว  อีกทั้งด้านข้าง​ศาลานั้น​ ก็ยังเป็นป่าช้ามืด​ ๆ ที่เต็มไปด้วยวิญญาณมากมาย​ บรึ๋ย...กลัวนะครับ​ แต่ก็ต้องไป

เข้าเรื่องกันดีกว่า และในขณะที่ผมกำลังเดินไปที่ศาลาเพื่อจะเอาบาตรมาให้หลวงพี่นั้น จู่​ ๆ ก็มีแมวดำตัวใหญ่วิ่งตัดหน้าผมไป ถามว่าตกใจมั้ย...ตกใจนะครับ​ แต่ด้วยความที่ยังเด็กก็ยังไม่คิดอะไรมาก จนเมื่อเดินมาถึงศาลา​ ก็เข้าเปิดไฟ แล้วเดินไปเอาบาตรของหลวงพี่ซึ่งวางอยู่ด้านใน เมื่อหยิบเสร็จก็เดินออกมา​ และในขณะที่กำลังจะปิดไฟศาลาเพื่อเดินกลับนั้น ผมรู้สึกได้กลิ่นกลิ่นหนึ่ง​ ซึ่งมันเหม็นมาก...จนผมต้องเอามือปิดจมูกไว้ มันเหม็นเหมือนกลิ่นศพที่ถูกทิ้งไว้นานจนขึ้นอืดเลยครับ ทำไมผมถึงมั่นใจว่าเป็นกลิ่นศพน่ะเหรอ ก็เพราะผมเคยเข้าไปเวลาที่เขามีพิธีล้างป่าช้า ศพที่ตายโหง เขาก็จะขุดขึ้นมา แล้วกลิ่นก็จะเหม็นเน่า

พอปิดไฟเสร็จ...ก็รีบเดินออกมา​ เพื่อที่จะเอาบาตรไปล้างที่ด้านข้างกุฏิ ในขณะที่เดินอยู่นั้น​ ผมรู้สึกว่าบาตรที่ผมอุ้มอยู่นั้น มันเริ่มหนักขึ้นเรื่อย​ ๆ ทีนี้ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีละ จึงตัดสินใจวางบาตรลงที่พื้น​ แล้วก็รีบวิ่งไป ยืนตั้งสติที่หน้ากุฏิ ครั้นจะเข้าไปบอกหลวงพี่ก็กลัวจะโดนดุเอา...พอตั้งสติได้​ ก็จึงตัดสินใจรีบวิ่งกลับไปอีกรอบ พออุ้มบาตรขึ้นมาได้​แล้ว...ก็รีบวิ่งหน้าตั้งกลับไปยังกุฏิ

แต่ทันใดนั้นเอง แมวเจ้ากรรมตัวเดิม​ ก็ดันวิ่งมาตัดหน้าผมอีกรอบ​ แต่คราวนี้มันทำให้ผมเสียหลักล้มลง... ร่างของผมลงไปกองอยู่กับพื้น ตอนนั้นสติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวละ "แค่ไปเอาบาตรให้หลวงพี่ ทำไมมันรู้สึกว่ายากเย็นเหลือเกิน" จากนั้นผมก็รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา​ แล้วอุ้มบาตรวิ่งหน้าตั้งต่อไป

เมื่อมาถึงข้างกุฏิ​ ก็ก้มหน้าก้มตารีบล้างบาตรอย่างลุกลี้ลุกลน สักพัก... ผมรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว คือเย็นแบบขนลุก ทั้งที่อากาศในช่วงนั้นมันก็ร้อนอบอ้าว และในขณะที่รีบล้างบาตรอยู่นั้น​ จู่​ ๆ​ ผมก็ได้ยินเสียงวี๊ด... ดังขึ้นมาทางด้านหลัง​ เท่านั้นแหละครับ พอผมหันไป​ ก็เห็นเป็นเงาเหมือนผู้ชาย ร่างสูง...มาก สักประมาณ 10 เมตรน่าจะได้ กำลังยืนจ้องมาที่ผม สิ่งเดียวที่ผมรู้ในตอนนั้นคือ​ กูโดนเข้าแล้ว​ ผมได้แต่ยืนช็อค ตาเบิกกว้าง​ ยืนสั่นไปทั้งตัว​ จะวิ่งมันก็วิ่งไม่ได้​ และด้วยความช็อคมันคงทำให้ผมหมดสติลง​ เพราะผมมารู้สึกตัวอีกทีตอนสายๆของอีกวัน

พอลืมตาขึ้นมาก็เจอคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน และพระในวัดมาห้อมล้อมรอบตัวผมเต็มไปหมด​ หลังจากผมได้สติฟื้นขึ้นมา​ เขาก็ได้พาผมไปทำพิธีเรียกขวัญกลับมา เสร็จสิ้นพิธี...หลวงพี่เลยถามว่า "เมื่อคืนไปนอนทำไมที่ข้างศาลา ตามหาตั้งนาน ปลุกก็ไม่ตื่น"

งงไหมครับกับคำถามของหลวงพี่ ?

เรื่อง2 : เด็กวัดกับรอยเท้าปริศนา

เด็กวัด กับ เท้าปริศนาหน้าส้วม..

...เรื่องนี้  เป็นเหตุการณ์เมื่อนานมาแล้ว  แต่ผมจำฝังจิต  ภาพยังติดตา
หากใครมาถามว่า  มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้คุณเชื่อว่าผีมีจริง  ผมก็จะยกเหตุการณ์นี้มาเป็นคำตอบตลอด
เรื่องมันไม่ยาวนักหรอก  ผมจะขอเอามาเล่าและยืนยันหนักแน่นว่า ผี ไม่ใช่เรื่องมโนขึ้นเอง  เพราะผมเห็นมากับตา จนขี้หดตดหาย เรื่องมันเกิดเพราะ "ส้วม"

...ผมจำปีได้แม่น ว่าตอนนั้นปี2541  บ้านผมฐานะยากจนและอยู่ใกล้วัด
ที่บ้านเห็นว่าผมชอบมาขลุกคลีในวัด  ชื่อ วัดหนองป่าตอสามัคคีธรรม  อยู่ที่ อ.สวรรคโลก  จ.สุโขทัย 
ตอนนั้นผมก็เป็นเด็กๆเลย  ยายผมก็พามาฝากให้อยู่วัด  เป็นเด็กวัด
ก็ได้อาศัยข้าวก้นบาตร  และกับข้าวขนมนมเนย ประทังชีวิตแหละนะ

...หน้าที่ของผมก็ไม่มีไรมาก  ที่วัดจะมีรถเข็นใส่ปิ่นโต หม้อใส่ข้าวใบใหญ่ๆ  ผมก็จะเข็นมันตามหลังพระทุกเช้าไปรับบิณฑบาตร
ก็จะเดินตรงจากวัด ไปเริ่มรับบาตรที่ท้ายหมู่บ้านก่อนแล้ววนรอบหมู่บ้านกลับมาถึงวัด
พอพระหงายบาตรรับถุงแกง ปิ่นโต  ผมก็จะเป็นคนคอยจับรับต่อ เอาของมาใส่รถเข็น
พอข้าวเต็มบาตร พระก็จะเอาข้าวมาเทใส่หม้อ
เรียกว่าเช้าๆนึง  ของกินเต็มรถเข็นเลย
เพราะวัดมีวัดเดียว  และเป็นหมู่บ้านที่จัดว่าค่อนข้างใหญ๋
ชาวบ้านก็ใฝ่ในการทำบุญตักบาตร

....ผมก็พลอยมีของกินดีๆหรูๆไปด้วย  ใครว่าเด็กวัดลำบาก  ผมเถียงขาดใจว่าอยู่ดีกินดีกว่าเด็กตามบ้านอีกนะ
เวลาพระใช้ไปซื้อของกินของใช้ เราก็ได้ค่าจ้างทีละ5บาท10บาท
เวลาหลวงพี่บวชใหม่ ทนหิวไม่ไหว  ก็ได้ผมช่วยต้มมาม่าให้ฉันกลางดึก  (อุ๊ย อิอิ ก็มันเรื่องจริง)
พอดึกๆหลวงพี่บวชใหม่ปวดท้อง  ก็ได้ผมลงไปเป็นเพื่อนหน้าส้วม แลกกับค่าจ้าง

....ผมมีความสุขดีนะกับการเป็นเด็กวัด  ถึงคนภายนอกจะมองว่าต่ำต้อย   แต่ผมมองว่ามันคือโอกาสที่เราจะใกล้ชิดธรรมะคอยกล่อมใจ
และเราก็ได้กินอิ่มไม่ต้องหิวโหย
ในวัดนี่ผลไม้รากไม้ก็มาก มะม่วงผมไม่เคยอด
เด็กข้างนอกคนไหน  ตามพ่อแม่มาวัด แล้วคิดจะมาสอยมะม่วงวัดกิน
จะเจอผมขวางตลอด  ถือว่าเราคือเจ้าถิ่นไง

....ทีนี้ไอ่การเป็นเด็กวัด  สิ่งที่ต้องเจอคืองานศพ 
คนบ้านหนองป่าตอ  เวลามีคนตาย  นิยมเอาศพมาตั้งที่บนศาลาการเปรียญของวัด
เพราะมันกว้างขวาง  สถานที่สะดวกสบาย  ก็แค่ถวายค่าน้ำค่าไฟวัดเท่านั้นจบ

....ในช่วงของการตั้งศพ  มันก็ไม่ค่อยอะไรหรอก  เพราะญาติๆเขาจะมาอยู่กันเต็มศาลา
พอดึกๆ ก็จะมีวงไฮโลอยู่เป็นเพื่อนเจ้างาน
ผมก็ไปยืนลุ้นจนดึกดื่น  แทงบ้าง5บาท10บาท  หมดก็เลิก  เพราะถ้าเล่นมากเกิน  หลวงพี่ที่ดูแลผมรู้  จะโดนสายไฟถักได้ โดนตีด้วยสายไฟถักบอกเลยว่าเจ็บมากๆ

....แต่พอหลังจากวันเผาสิ  เขาจะเผาศพช่วงเกือบๆเย็น  บ่าย4โมงเย็นกว่าๆ  นัยว่าเขารอให้โรงเรียนเลิกก่อน 
เพราะเมรุวัดหนองป่าตอ  อยู่ใกล้อาคารเรียนมากๆ 
ผมเลิกเรียน ก็ทันไปแย่งเก็บที่เขาโปรยทานหน้าเมรุพอดี

...แล้วผมเหมือนโรคจิตนิดๆคือ  กลัวผี  แต่ชอบมุดไปเกาะขอบโลงดูศพ  ตอนที่เขาเปิดฝาโลงแล้วผ่ามะพร้าวเอาน้ำล้างหน้า
พอดูเสร็จก็จำติดตา   พอกลับถึงวัดก็จะรีบอาบน้ำก่อนค่ำ  พอกลางคืนผมจะไม่ลงจากกุฏิรวม  ที่ผมนอนเลย
ถ้าปวดฉี่  ก็จะยืนฉี่จากหน้าต่างเลย แบบนี้จริงๆ

...ห้องที่ผมนอน  คืนไหนที่เขามีการเผาศพ  ผมจะล๊อคกลอนทุกบาน  ร้อนก็ยอม
แต่จำได้ว่าคืนนั้น  เป็นคืนของวันที่เมื่อตอนบ่าย  มีการเผาศพของชายคนนึง
จำไม่ได้ว่าแกชื่ออะไร  แต่แกเป็นคนคุ้นเคยของพระทั้งวัด  ผมเคยเห็นบ่อยๆ  แต่ไม่กล้ายุ่งด้วย
เพราะแกพูดจาดุๆ  แกชอบมาที่วัด  ช่วยวัดแทบทุกงาน  งานอะไรที่ใช้แรง เห็นแกตลอด
วันพระแกไม่เคยพลาด

....ทีนี้แกไม่รู้ไปทำอิท่าไหน  โดนยิงตายคารถ  ตายโหงเลย  ญาติก็พาศพมาตั้งที่วัดแหละ
พอคืนวันเผา  พระท่านก็พากันปิดกุฏิเงียบเลย   ผมก็ถามแหละว่าทำไมหลวงพี่จำวัดกันไวจัง
ท่านก็บอก  คืนนี้ เผา ไอ่....ไป  มันตายโหง  แล้วแกสนิทกับพระทุกองค์  ท่านเลยพากันกลัว  กลัวแกคนที่ตายจะมาหา

...ผมก็ลงไปนั่งเล่นกับหมา  ที่ตะพักปูนด้านล่างบันไดขึ้นกุฏิแหละ  เราก็ยังอุ่นใจไง  เพราะที่เมรุ จะมีลุงสับปะเหร่อ กับพวกอีก2-3คน  นั่งก๊งเหล้าเฝ้าเตาเผาศพอยู่  ก็จะเห็นแกเปิดประตูที่ปิดช่องใส่โลง  เอาเหล็ก2ง่าม  กระทุ้งศพเป็นทีๆ ผมก็เคยเข้าไปดูใกล้ๆหลายทีเหมือนกัน
แต่ภาพในช่องเผามันสยองเกิน  ศพจะดำๆบิดๆเบี้ยวๆหงิกหงอตามแรงไฟ   ได้กลิ้นไหม้ๆชวนอ้วกมากๆ
พอศพไหม้หมดแล้ว พวกแกถึงจะพากันกลับ  แล้วจะมาแปรธาตุเถ้ากระดูกตอนเช้า

.....ผมก็ไม่ได้รอจนลุงแกกลับหรอก  ก็ขึ้นกุฏิไปนอนก่อน  แต่คืนนั้นผมปวดท้องหนักมาก  พยายามจะกลั้นแล้ว  แต่ก็ไม่ไหวแล้ว คุณคงเข้าใจอารมณ์คนท้องเสียดี   แล้วกุฏิพระมันไม่มีส้วม  จะเข้าส้วมคือ  ต้องเดินไปเข้าส้วมที่อยู่ใต้ศาลาการเปรียญ สถานที่ตั้งศพนั่นแหละ
ผมไม่มีทางเลือกแล้วไง  เคาะประตูห้องพระองค์ไหน ก็ไม่มีใครหืออือ

"ก๊อกๆๆหลวงพี่ ผมปวดท้อง ไปเป็นเพื่อนหน่อยครับ"
-----เงียบกันหมด---------
ผมก็่อ่ะไม่ไหวแล้วไง  เลยวิ่งไปเข้าส้วม  พอกำลังเบ่งๆ หมาแมงเห่าหอน บู๊วววๆๆๆบร็วววววววว ระงมวัดเลย
หนังหัวลุกเลยผมตอนนั้น  ก็ใจเสียเลย แต่เบ่งต่อ  พอสุด ก็จะตักน้ำล้างก้นแหละ  พอเอี้ยวตัวไปคว้าขันในอ่างข้างๆจะล้างก้น
หันกลับมา  โอ้ย ใจผมตกวูบไปอยู่ที่ก้น  หน่วงไปทั้งพุง ใจหวิวๆ  ก็ประตูส้วมวัด  ด้านล่างมันจะมีช่องเล็กๆ เพราะซี่พลาสติกมันหัก เลยจะมองเห็นด้านนอกประตู  ไฟหน้าส้วมมันก็มัวๆ แมง  เท้าใครก็ไม่รู้ครับ  เขียวๆคล้ำๆ รองเท้าไม่ใส่  มายืนอยู่หน้าส้วม แบบเห็นด้านข้างเท้า

....ผมแทบร้องไห้  แต่มันกลัวมากๆไง  ก็แทบหยุดหายใจ  เลยทำตัวนิ่งๆ ไม่กระดุกกระดิก  ผมหลับตานั่งขี้คาตูด หายปวดท้องสนิทเลย
หลับตาอยู่พักนึงเลยลืมตา  เท้าหายไปแล้ว  ผมรีบล้างก้นใส่กางเกง  แต่ยังไม่กล้าเปิดประตูส้วม  กลัวเปิดออกไปแล้วเจอแต่เท้าคู่นั้นผมจะทำไงล่ะ
ทำใจอยู่พักใหญ่  ก็ค่อยๆแง้มๆดูซ้ายขวา ไม่มีอะไร  แต่ภาพเท้านั่นโคตรติดตาเลย  พอออกจากส้วมได้ ผมก็ซอยเท้ายิกๆขึ้นกุฏิเลย

...คุณลองนึกภาพว่าคุณเป็นผม  แล้วเห็นแบบผมดูสิ  คุณจะทำยังไง  จะกล้าเปิดประตูออกมาดูวัดใจไปเลย  หรือจะเลือกนั่งนิ่งๆแบบผมล่ะ.....

ตอนเช้ามาก็ได้ยินลุงสัปปะเหร่อ มาบ่นให้พระฟังว่า  ศพที่พึ่งเผาไปเมื่อคืน  ส่วนของเท้าข้างนึงดันไหม้ไม่หมด  เหลือเนื้อติดกระดูกเป็นก้อนอยู่
แกก็ถามรองเจ้าวาสว่าจะให้ทำยังไง  ท่านก็บอกเอาโยนลงสระวัดไปเลย
โอยยยยยยยยย ผมเห็นเต็มตาตอนเขาเอาเศษเท้าที่ไหม้ไม่หมดโยนลงสระวัด  ที่มีกุฏิเจ้าอาวาสอยู่กลางสระ โดยมีสะพานเดินข้ามไป
ปลาดุกในสระตัวใหญ่ๆ แมงรุมกินเศษเนื้อจากเท้าศพ    ใครบัด--ซบ..มาชวนผมตกปลาดุกในสระวัดหนองป่าตอมากิน  บอกเลยว่าเชิญเอาคนเดียวเถอะ
ถึงว่าทำไมปลาดุกในสระวัดตัวใหญ่ๆทั้งนั้น  สงสัยจะหลายรายแล้วมังที่ลงไปเป็นอาหารปลาวัด....หรือใครอยากจะลองเปิบพิสดารก็ไปลองได้นะ
แต่ผมคนนึงล่ะที่ไม่เอาด้วย   ภาพเท้าหน้าส้วม  ยังติดตาลืมไม่ลงมาจนวันนี้เลยครับ.....

ก็จบไปแล้วนะครับกับทั้งสองเรื่องขอบคุณทุกท่านที่รับชมจนจบนะครับและผมมีเรื่องอยากจะรบกวนทุกท่านนิดนึงตอนนี้ผมได้กลับมาทำ YouTube แล้วในชื่อช่องขยี้ขวัญไดอารี่อยากให้ทุกท่านลองไปรับชมช่อง YouTube ผมหน่อยครับสามารถติเตียนแนะนำได้เลยนะครับและถ้าท่านใดชอบอย่าลืมกดไลค์กด subscribe กดติดตามให้ผมด้วยนะครับผมจะได้มีกำลังใจในการนำเรื่องเล่ามาให้ทุกท่านได้รับฟังกันทั้งใน YouTube และเพจ facebook ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยนะครับ🙏🙏🙏  เดี๋ยวผมจะทิ้งลิงค์ช่อง YouTube ไว้ให้ทุกคนสามารถคลิกเข้าไปรับชมได้เลยจ้าาา

You cannot view this attachment.