• Welcome to รวมเครื่องรางของขลังทุกทิศทั่วไทย.
 

ตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง จ.พิจิตร

เริ่มโดย ฟลุ๊กพระเครื่อง, มิ.ย 10, 2023, 10:32 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ฟลุ๊กพระเครื่อง




ตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง จ.พิจิตร

ตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง จ.พิจิตร สร้างชื่อเสียงพุทธคุณในด้านมหาอุดคงกระพันชาตรี ที่ พระเกจิอาจารย์สร้างเอาไว้ให้ลูกศิษย์คุ้มครองตัว
ตะกรุด เครื่องรางของขลังที่คู่กับชายไทยมาเนิ่นนาน และเป็นเครื่องรางที่สร้างชื่อเสียงพุทธคุณในด้านมหาอุดคงกระพันชาตรี ทั้งยังเป็นเครื่องรางที่พระเกจิอาจารย์เก่งๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมักจะสร้างเอาไว้ให้ลูกศิษย์คุ้มครองตัว

ซึ่งตะกรุดที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ต้องกล่าวถึงตะกรุดของ หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ด้วยความที่โด่งดังทางด้านพุทธคุณและทางด้านสนนราคาปัจจุบัน ตะกรุดของท่านดอกแท้ๆ ที่ดูง่ายมีคนกล้าสู้ราคาเกินหลักแสนบาท เพราะความเชื่อมั่นทางด้านมหาอุด ที่มีผู้เคยทดลองยิงหรือประสบกับเหตุการณ์มหัศจรรย์ทางคงกระพันชาตรีจนตั้งชื่อตะกรุดของท่านว่า "ตะกรุดคู่ชีวิตหรือตะกรุดแมวเก้าชีวิต" ด้วยถ้ามี ตะกรุด ของท่านติดตัว จะไม่มีวันถึงแก่ความตายได้ง่ายๆ

หลวงพ่อท่านเป็นชาวเมืองพิจิตร เกิดเมื่อปี พ.ศ.2418 บิดาท่านรับราชการเป็นขุนหิรัญสมบัติ จนเมื่อถึงปีพ.ศ.2440 ท่านได้อุปสมบทที่วัดบึงตะโกน อําเภอเมือง จังหวัดพิจิตร หลังจากที่ได้บวชเรียนแล้ว ด้วยความที่ท่านชอบในวิชาคาถาอาคม จึงได้เดินทางไปศึกษาวิชาจากพระอาจารย์หลายๆ แห่งที่สําคัญ ท่านได้มาเรียนวิชาจากหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน (กล่าวกันว่าท่านเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงพ่อเงิน) และได้วิชาจากหลวงพ่อเงินหลายๆ แขนง รวมถึงวิชาการทําตะกรุดที่ได้สืบทอดตําราจากหลวงพ่อเงินแบบเต็มที่

หลังจากนั้นท่านได้มาจําพรรษาอยู่ที่วัดฆะมัง และได้เป็นเจ้าอาวาสในเวลาต่อมา ตลอดเวลาที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสท่านได้ปฏิสังขรณ์และบูรณะวัดฆะมังให้เจริญสวยงามตลอดจนวัดต่างๆ ในเมืองพิจิตรและจังหวัดใกล้เคียงนับเป็นจํานวนหลายสิบวัด จนเมื่อถึงปี พ.ศ.2488 ท่านได้มรณภาพที่วัดฆะมัง รวมสิริอายุได้ 70 ปี 58 พรรษา

การสร้างตะกรุดคู่ชีวิตและการพิจารณา
จากการที่ท่านร่ำเรียนวิชากับหลวงพ่อเงิน รวมถึงวิชาการทําตะกรุดสุดขลัง เมื่อท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดฆะมัง ท่านจึงเริ่มทําตะกรุดแจกลูกศิษย์

ในยุคแรกจะเป็นตะกรุดประเภทเนื้อทองฝาบาตร และด้วยประสบการณ์อภินิหารของตะกรุดท่านที่ผู้ได้ใช้ติดตัวบอกกล่าวต่อกันในสมัยนั้นทําให้มีผู้ต้องการเป็นจํานวนมาก และด้วยทองฝาบาตรหาได้ยากกว่าท่านจึงได้เริ่มทําจากตะกั่วทุบ แต่ตะกั่วจะมีความคงทนได้น้อย ท่านจึงได้ทําตามสายการสร้างตะกรุดของเมือง พิจิตร คือการมีหลอดทองเหลืองไว้ด้านใน แถมด้วยการมีส่วนหัวด้านปลายทั้งสองด้าน เพื่อป้องกันการสึกหรอจากการใช้งาน ที่ด้านปลายทั้งสองด้านโดยการนําลวดทองเหลืองเนื้อเดียวกับแกนกลางด้านในมาเชื่อมต่อด้วยเงินและเรียกหลอดตะกรุดแบบนี้ว่า "อั่ว" หลังจากที่ได้ลงอักขระทั้งสองด้าน รวมถึงม้วนตะกรุดอย่างเรียบร้อยและหลวงพ่อท่านได้ปลุกเสกแล้ว จึงได้มอบให้ลูกศิษย์และหลายๆ ท่าน ก็ได้นําไปถักเชือกลงรักอย่างสวยงามคงทนต่อไป

เรียบเรียงโดย wison207

หยองแหยง


บอง