#แพะสงขลา
เคยเขียนเรื่องการพิจารณาพระหลวงพ่อทวด หล่อโบราณรุ่นหลังเตารีดปี 2505FB_IMG_1685598936436.jpgFB_IMG_1685598939163.jpgFB_IMG_1685598941359.jpgFB_IMG_1685598943883.jpgFB_IMG_1685598946104.jpgFB_IMG_1685598948690.jpg มาเมื่อ6ปีแล้ว วันนี้นำมาทบทวนกันอีกครั้งมีองค์ประกอบที่จะต้องพิจารณา 4 องค์ประกอบ
1.รูปแบบพิมพ์ทรง
2.เนื้อโลหะผสมเป็นอย่างไร
3.ดินเบ้าคืออะไร มีลักษณะเป็นเช่นไร
4.ร่องรอยการตกแต่งภายหลังกะเทาะดินเบ้าแล้ว ว่าเป็นเช่นไร สิ่งเหล่านี้เป็นหลักเกณฑ์การพิจารณาในเชิงวิทยาศาสตร์ สามารถเอามาพิจารณาอย่างเป็นเหตุเป็นผล
เรามาลงรายละเอียดของการพิจารณาเรื่องเนื้อโลหะผสมกันดีกว่า เราจะคุยกันเรื่องโลหะผสมของพระหลวงพ่อทวดรุ่นหลังเตารีด ปี๒๕๐๕ โดยเจาะลึกถึงพระสภาพใช้กันครับ พระสภาพใช้เราจะดูกันอย่างไรครับ นั่นคือมาดูเรื่องกระแสโลหะ
ดังที่ได้เขียนมาแล้วว่าพวกเราต้องรู้ก่อนว่าพระสมัยยุคปี 2505 ทางโรงงานยังไม่มีเตาหลอมแบบที่ใช้ไฟฟ้าแบบยุคสมัยนี้ การหลอมโลหะสมัยก่อน เขาใช้ฟืนสุมหากต้องการร้อนมากขึ้นก็จะใส่ ถ่านหินเพิ่มลงไป เป็นเตาหลอมแบบเปิด ดังนั้นความร้อนที่ได้ ไม่เสถียรไม่สามารถถึงจุดเดือดของโลหะทุกชนิดที่ผสมในหลังเตารีด ช่างเขาใช้เครื่องมือกวนๆให้โลหะผสมปนกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นผลที่ได้จากการหลอมเช่นนี้คือ โลหะผสมไม่สามารถผสมกลืนกันเป็นเนื้อเดียวกัน พระหลังเตารีดจึงมีกระแสโลหะเป็นจ้ำๆ ยิ่งพระสภาพใช้จะเห็นเนื้อโลหะที่ไม่เข้าเป็นเนื้อเดียวกันชัดเจนยิ่งขึ้นดังภาพที่นำมาประกอบกระทู้นี้
วันนี้จึงขอเอาพระหลังเตารีดสภาพใช้มาให้กันดูหลายๆพิมพ์ เช่นหลังเตารีดใหญ่ทั้ง A – C รวมทั้งหลังเตารีดเล็ก มาให้ดูกันหลายๆองค์ จะเห็นได้ว่าพระสภาพใช้ทุกองค์มีเนื้อพระที่เป็นจ้ำๆแบบเดียวกันหมด นี่เป็นเสน่ห์ของพระหลังเตารีดที่แท้ดิกๆเท่านั้น หากไม่เป็นเช่นนี้ ไม่ว่าใครจะมารับรองว่าแท้หรือมีใบผักกาดมาสักกี่ใบก็ตาม สำหรับคนที่มีความรู้เรื่องโลหะวิทยา ก็จะไม่เป็นที่ยอมรับเพราะขัดกับหลักแห่งความเป็นจริง ขอได้รับการขอบพระคุณ
FB : แพะ สงขลา
FB_IMG_1685598817097.jpgFB_IMG_1685598819824.jpgFB_IMG_1685598822316.jpg