วันนี้มาลงเรื่องผีบ้างนะครับ กลัวลงแต่ตำนานคดีต่างๆ ทุกคนจะเบื่อ และเรื่องนี้มีให้รับชมใน YouTubeด้วยน๊าาาา เช้นเดิมผมจะทิ้งลิงค์ไว้ด้านล่างน๊าาาาา @นิล
รับฟัง ไก่หอน ได้ที่ลิงค์ด้านล่างจ้าาา
https://-youtu.be/yA0yVrzKxxI
บ้านของเราเป็นบ้านสวน มีเนื้อที่ ๑ ไร่เศษ รอบๆ บ้านมีต้นไม้ปลูกหนาทึบ ส่วนมากจะเป็นต้นผลไม้ และพืชผัก ส่วนหน้าบ้านจะเป็นพวกว่าน หรือไม้ประดับ มีเรือนกล้วยไม้ หลังบ้านสร้างคอกไก่ไว้
ครอบครัวเรามีสมาชิก ๗ คน และมีอามาอาศัยอยู่ด้วยคนหนึ่งเป็น ๘ คน อาชีพของพ่อ คือ ทำนา นาของเราห่างจากบ้าน ๓ กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอชนบทจังหวัดขอนแก่น ผมเป็นลูกคนที่ ๒ กำลังเรียนอยู่ในอำเภอเมือง เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ เดือนเมษายน พ.ศ ๒๕๒๕ ช่วงปิดเทอมพอดี
อาของผมตอนมาอยู่แรกๆ ตกงานเลยมาทำนาช่วยพ่อ พ่อก็แนะให้เข้าไปสอบข้าราชการ เพราะอามีความรู้ถึง ม.ศ ๕ ช่วงที่อายังไม่รับราชการ ได้เลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่ง เป็นสุนัขไทยธรรมดา อาตั้งชื่อให้มันว่าไอ้ขาว
ในที่สุดอาก็สอบได้ และเดินทางไปรับราชการที่จังหวัดตาก แรกๆ ก็มีจดหมายจากอามาสม่ำเสมอ แล้วปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นมา ก็ไม่มีจดหมายมาจากอาอีกเลย
แล้วในคืนวันหนึ่ง เป็นคืนเดือนมืด เจ้าขาวสุนัขของอา ก็เห่าด้วยเสียงดังมากและส่งเสียงดีใจคล้ายกับเห็นเจ้าของ เสียงดังจนพ่อต้องลุกขึ้นมาดู เพราะถ้าเจ้าขาวเห่าอย่างนี้แสดงว่าอาต้องกลับมา แต่พ่อกลับเข้าบ้านมาคนเดียว บอกว่าไม่เห็นมีใคร ผมรู้สึกแปลกใจมาก กะจะลุกไปดูอีกเพราะเจ้าขาวยังส่งเสียงอีกเหมือนเดิม แต่แล้วผมก็ต้องหยุดชะงัก เพราะคราวนี้เจ้าขาวไม่ได้เห่าแบบเดิม มันหอน เสียงเยือกเย็นจนผมขนลุกไปทั้งตัว ผมเปลี่ยนไม่ได้ไปดูทันทีเพราะข้างนอกตัวบ้านมีแต่ต้นไม้ขึ้นมืดครึ้มประกอบกับลมแรง ผมกลัวมาก พ่อได้ปลอบใจเราทุกคน แล้วพ่อก็ได้บอกว่าจะไปดูเอง แต่ก่อนไปผมเห็นพ่อสวมพระองค์โต กับลูกประคำด้วย พ่อคงกลัวเหมือนกัน
พ่อกลับมาเหมือนเหนื่อยหอบ บอกว่าเห็นไอ้ขาวมันหอนหันหน้าไปทางประตูบ้าน พ่อว่าเห็นเงาตะคุ่มๆ ของใครสักคนจึงเดินไปดู แต่พอไปถึงกลับไม่เห็นอะไร พอจะเดินกลับก็คล้ายมีเสียงคนเรียก พ่อจึงรีบวิ่งเข้าบ้าน ท่าทางพ่อกลัวมาก และพูดเสียงสั่นๆ ว่าเสียงเรียกนั้นคล้ายเสียงของอา
คืนนั้นไอ้ขาวหอนตลอดคืน พ่อทนไม่ไหวจึงลุกออกมาพร้อมกับไฟฉาย มือถือไม้ตะพดมาด้วย กะจะไล่ตีไอ้ขาว ครั้งนี้พ่อชวนผมออกมาด้วย พ่อฉายไฟตามเสียงหอนของไอ้ขาว แสงไฟกระทบกับดวงตาของมัน ปรกติดวงตาเมื่อโดนแสงจะเป็นประกายทั่วไป แต่คราวนี้ผมสังเกตเห็นดวงตาของมันที่กระทบกับแสงไฟเป็นสีแดงวาว ส่องประกายออกมาอย่างน่ากลัว มันหยุดหอนและครางเสียงเศร้าๆ ออกมาเหมือนจะรู้ว่าพ่อกำลังคิดจะทำอะไรกับมัน มันรีบเดินหนีออกจากบ้านไปทันที รุ่งเช้าทุกคนช่วยกันตามหาไอ้ขาว แต่ก็หาไม่พบ และเช้านั้นเองเราก็ได้ทราบข่าวร้าย ว่าอาได้เสียชีวิตลงแล้ว โดนลอบยิงตายได้ ๓ วันแล้ว
งานศพอาผ่านไปได้ ๑๐ กว่าวัน เราลืมเรื่องไอ้ขาว ตกดึกคืนนั้นจำได้ว่าเป็นเดือนมืด เราทุกคนก็ได้ยินเสียงหอนอย่างโหยหวนเยือกเย็นของไอ้ขาว จนทุกคนขนลุก เสียงดังมาจากทางหลังบ้านเรานี่เอง ซึ่งหลังบ้านได้ทำคอกไก่ไว้หนึ่งหลัง ไม่ใหญ่มากนัก สูงและกว้างประมาณ ๒ เมตรครึ่ง แต่ไม่มีใครกล้าออกไปดูเพราะกลัว
รุ่งเช้าผมไปดูที่คอกไก่ เห็นไก่นอนอยู่ตัวหนึ่ง ประตูคอกเปิดไว้ ไก่ที่เหลือออกไปหากินหมดแล้ว ผมคิดว่าไก่ตัวนั้นคงเป็นหวัดจึงไปอุ้มดู ปรากฏว่าไก่ตัวนั้นแข็งแล้ว แสดงว่าตายตั้งแต่เมื่อคืน ทุกคนลงความเห็นว่าควรต้มกิน พ่อก็จัดการทันที เมื่อกินเสร็จผมก็เอะใจ ทำไมไม่เห็นมีตับไก่ ถามใครก็บอกไม่ได้กิน
เว้นระยะอีก ๓ วัน เหตุการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีก คือได้ยินเสียงไอ้ขาวหอนอยู่บริเวณคอกไก่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกมาดูอีก รุ่งเช้าพบไก่ตายอีก ๑ ตัว เมื่อผ่าท้องดูก็พบว่าไก่ตัวนั้นไม่มีตับ และมีรอยถูกกัดบริเวณกึ๋น เป็นเช่นนี้อีก ๑ ครั้ง โดยเว้นระยะเวลา ๓ วัน มันคงจะเกิดขึ้นอีกแน่
คราวนี้พ่อชวนเพื่อนบ้านมานอนในบ้านเรา นอนคอยด้วยใจระทึก ทุกคนมีมีดเป็นอาวุธ ยกเว้นพ่อมีปืนพกสั้น จนเวลา ๕ ทุ่มกว่า ก็ได้ยินเสียงหอนอันดัง และเยือกเย็น พ่อรีบบอกทุกคนให้รู้ตัวแล้ว ก็ค่อยๆ ย่องไปที่คอกไก่ พ่อถือไฟฉายไปด้วย พวกเราแอบซุ่มอยู่ใต้ต้นขนุน ใกล้คอกไก่ ๑ เมตร แล้วก็จ้องไปที่คอกไก่ คืนนั้นเป็นคืนค่อนข้างมืด มองอะไรพอจะเห็นอยู่บ้างรางๆ แล้วทุกคนก็ได้ยินเสียงเปิดประตูคอกไก่ แต่พ่อยังไม่ส่องไฟรอให้แน่ใจก่อน แต่คราวนี้เราทุกคนได้ยินเสียงหอนอันเยืออกเย็นอีกครั้ง เสียงหอนดังมาจากในคอกไก่ พ่อฉายไฟไปที่คอกไก่ทันที แสงไฟกระทบกับดวงตาข้างหนึ่ง ดวงตาข้างนั้นหันมาทางพ่อ เราทุกคนตกใจ เพราะดวงตาที่เราเห็นนั้น เป็นสีแดงส่งประกายน่ากลัว ผมนึกถึงตอนพ่อฉายไฟใส่ไอ้ขาว เมื่อคืนนั้นขึ้นมาทันที
แล้วสิ่งที่ผมตกใจมากก็คือ ผมเห็นดวงตานั้นเป็นดวงตาของไก่ ไอ้เขียว ไก่ของพ่อมันโก่งคอคล้ายจะขัน แต่ทว่าเสียงที่ออกมานั้นเป็นเสียงหอนอันเยือกเย็นของไอ้ขาว ผมไม่รู้สึกตัวคล้ายตะคริวกิน ก้าวขาไม่ออก รู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงปืนของพ่อ ผมถามคนข้างๆ เขาบอกว่าพ่อยิงไก่ผีตัวนั้นแล้ว ผมจึงมองเข้าไปในคอกไก่ น้าสุขเป็นคนส่องไฟให้พ่อ ผมเห็นไก่ตัวนั้นมันยังไม่ตาย มันยืนจังก้าอยู่ แล้วผมก็เห็นน้าสุขซึ่งแกเป็นคนไม่กลัวผี ยกมือพนมบ่นพึมพำ สักครู่ผมจึงเห็นไก่ตัวนั้นล้มลงตกสู่พื้น แล้วเราก็พากันเข้าบ้าน ผมเข้าบ้านเกือบคนสุดท้าย เพราะข้างหลังผมเป็นน้าสุข
ผมหันไปดูที่ที่คอกไก่อีกครั้ง ผมดีใจมาก เพราะผมเห็นไอ้ขาวนั่งอยู่หน้าคอก ถึงจะมองไม่ชัดแต่ผมก็จำได้ ผมบอกน้าสุขให้ดู แต่พอน้าสุขหันไปดูกับไม่เห็นไอ้ขาวแล้ว แกหาว่าผมคิดมาก คืนนั้นไม่มีใครหลับ ต่างพากันกินเหล้าอยู่กับพ่อ
รุ่งเช้าเราก็ระดมคนออกค้นหาไอ้ขาว คราวนี้เราพบไอ้ขาวนอนตายอยู่กลางทุ่งนาของน้าไหม ห่างจากบ้านผม ๕ กิโลเมตร สภาพศพเน่าเละเกือบจะจำแทบไม่ได้ ส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวล ผมเฝ้าอยู่จนเขาฝังศพไอ้ขาวเสร็จจึงกลับบ้าน
จากนั้นเราก็ไปขอนอนบ้านน้าสุข และขายบ้านหลังนั้นไป ย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ทุกคนพยายามจะลืมเรื่องของไอ้ขาว ไม่มีใครพูดถึงมันอีกเลย
FB_IMG_1684195735998.jpg