• Welcome to รวมเครื่องรางของขลังทุกทิศทั่วไทย.
 

กระท่อมร้างกลางป่า ep.2

เริ่มโดย บอย ท่าพระจันทโครพ, ม.ค 16, 2023, 07:01 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

บอย ท่าพระจันทโครพ

สวัสดีค้าบแบบ ทู๊กกกกก~~~ท่านเมื่อวานต้องขออภัยด้วยนะครับที่ไม่ได้มาลง ep 2เนื่องจากตอนเวลาหลังจาก 5 โมงเย็นผมลมแทบใส่เนื่องจากผมไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี🤣🤣🤣   แต่วันนี้มาแน่นอนครับผมแล้วมาแล้วด้วยกับ EP 2 ที่ทุกท่านรอคอยกับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมยกให้เป็น MVP เลยตอนจบพีคมากบอกไว้ก่อนเลนนี่ก็อาจจะไม่ใช่ EP สุดท้าย EP สุดท้ายน่าจะอีกep ที่ 3 นะครับผม และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปรับชมกันเลยดีกว่าครับผม🙏✌️  @นิล

ช่วงที่กำลังสนทนากันอยู่ อย่างออกรส
อยู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ข้างในกระท่อมแบบเงียบๆ
เพราะกระท่อมมันไม่มีประตูปิด

จนทำให้ทุกคนหันไปมองผู้ชายคนนั้นเป็นตาเดียวกัน

ผู้ชายคนนั้นหน้าขาวซีด ผมเปียกน้ำ
เสื้อผ้าก็ดูเหมือนจะหมาดๆ จากน้ำ
สงสัยจะตากฝนมาจนตัวเปียก

เขามองมายังกลุ่มพวกเราที่นั่งผิงไฟกันอยู่
เขาเดินเข้าไปนั่งลงตรงกองฟืนที่สุมๆอยู่ใกล้ๆ

เพื่อนผมก็เลยทักไปว่า เล่นน้ำฝนมาหรือครับ เปียกไปทั้งตัวเลย

ชายคนนั้นก็บอกว่า
ฝนตกแรงจริงๆ 

พี่คนที่มากับภรรยาเขาก็เลยชวนผู้ชายคนนั้นมานั่งผิงไฟด้วยกัน
แต่เขาก็ปฏิเสธ  ขอนั่งอยู่แถวๆนั้นดีกว่า เพราะว่า ร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว
"ไม่เป็นไรครับ ไม่หนาวเท่าไหร่"

สักพักแฟนเพื่อน ก็เอากาแฟใสแก้วไปให้ผู้ชายคนที่มาใหม่ กิน
เขารับไว้ แล้วก็ถามว่า
พวกคุณมาอยู่ในกระท่อมนี้นานแล้วหรือ
เพื่อนผมก็ตอบว่า
ตั้งแต่ฝนตกลงมาห่าใหญ่ เราก็วิ่งเข้ามาหลบกันที่นี่แหละ

ผู้ชายคนนั้น นั่งฟังแล้วก็พยักหน้า อยู่เงียบๆ

เพื่อนผมก็หันมาคุยกันต่อในกลุ่ม
มองไปทางพี่คนที่เล่าเรื่องสยองให้ฟังคนแรก
แล้วก็พูดว่า
เรื่องของพี่ก็สยองดีนะครับ เข้าบรรยกาศเลย
แล้วใครจะเล่าต่อ

เพื่อนถามแล้วก็มองหน้าทุกคน
แต่ ทุกคนก็เงียบไม่มีใครตอบ

เพื่อนผมก็เลยพูดขึ้นว่า

เอ๊า.! งั้นผมเล่าเอง ก็ได้
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า

สมัยที่ผมเด็กๆ ลุงเล่าให้ฟังว่า
ช่วงที่แกวัยรุ่น ได้มีโอกาศไปเที่ยวป่ากับเพื่อนๆและคนรู้จัก
เพื่อนที่มาชวนลุงบอกว่า จะไปตั้งแคมป์พักกันในป่าสักคืนสองคืน

พอถึงวันที่นัดหมาย ลุงก็จัดแจงเตรียมสิ่งของสำหรับเข้าป่าทุกอย่าง
ไปหาเพื่อนแล้วก็เดินทางไปกับคณะของญาติเพื่อน
ในคณะที่ลุงไป ลุงนับคราวๆน่าจะมีคนร่วมทางสักประมาณ สิบกว่าคนได้
ส่วนใหญ่จะเป็นคนวัยกลางคน และก็มีวัยรุ่นอย่างลุงกับเพื่อนลุงอยู่เพียง
สี่ห้าคน

หลังจากที่เดินเข้าไปในป่าลึกพอสมควร
จนมาถึงลานโล่งจุดหนึ่ง  ทางคณะก็ให้นั่งพักกัน
ลุงกับเพื่อนๆนั่งพักกันอยู่ใต้โคนต้นไม้ที่แห้งตาย เหลือแต่กิ่ง
คนอื่นๆก็แยกย้ายกันนั่งพักอยู่ใกล้ๆแถวนั้น
ตรงนั้นเป็นลานโล่ง มีต้นหญ้าขึ้นสูงเท่าตาตุ่ม เป็นผืนใหญ่เขียวขจี
ลุงมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งลงตรงขอนไม้ขนาดใหญ่
ที่แห้งตายล้มพาดไปกับพื้น

แล้วไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็ร้องกรี๊ดขึ้น รีบกระโดดตัวลอย
หันไปมองที่ขอนไม้ แล้วก็รีบถอยหลังออกมาให้ห่างจากตรงนั้น

ทุกคนตกใจหันไปมอง ว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงผู้หญิงคนนั้น พูดว่า
ตัวอะไร   มันขยับได้ด้วย

ว่าแล้วก็ชี้ไปที่ขอนไม้

ลุงเล่าว่า พอมองดูขอนไม้นั้นดีๆอีกที
ลุงขนลุกซู่เลย
ปรากฏว่ามันเป็นงูเหลือมตัวใหญ่มาก
เท่าๆกับตัวคนเลยก็ว่าได้

ทุกคนก็กรูกันไปตรงนั้น
แล้วงูเหลือมมันก็ผงกหัวขึ้นมา จากกอหญ้า
ตั้งท่าจะฉกไปยังคนต่างๆที่ล้อมมันไว้

แต่ไม่นาน งูเหลือม ตัวนั้นก็ถูก นายพรานคนหนึ่งในกลุ่มฆ่าตาย
แล้วก็เอาเนื้อมาทำอาหารให้พวกเรากินกัน อยู่ตรงจุดนั้น

หลังจากนั้น ก็พากันออกเดินทางต่อ เพื่อให้ไปถึงบริเวณที่จะตั้งแคมป์กัน

ใช้เวลาเดินทาง มานานพอสมควร ทางค่อนข้างกันดาร
ต้องปีนป่าย หลบสิ่งกีดขวางต่างๆนาๆ
กว่าจะมาถึงที่หมาย ก็เล่นเอาซะเข่าอ่อนตามๆกัน
พอมาถึงจุดหมาย ก็เย็นมากแล้ว เกือบๆจะพลบค่ำ

บริเวรที่คณะตั้งค่ายพักกัน มีบึงขนาดใหญ่
มีบัวหลวง ขึ้นอยู่เยอะพอสมควร

พอกางเต็นท์ทำที่พักกันได้แล้ว
ส่วนหนึ่งก็ทำอาหารกัน อีกส่วนหนึ่งก็พากันอาบน้ำที่บึงนั่น

เพื่อนลุงชี้ให้ดูที่ภูเขาลูกหนึ่ง ไกลๆ แล้วก็บอกลุงว่า
ที่นั้นแหละที่คณะจะไป 
เพื่อนลุงบอกว่า เขาจะพากันไปเอาเหล็กไหล
พอลุงได้ฟังก็ตาโต
จริงหรือ นึกว่ามาเที่ยวกันเฉยๆเสียอีก

เพื่อนลุงก็บอกว่า
อืมก็ผู้ใหญ่เขาพามาด้วยก็ถือเสียว่ามาเที่ยวแล้วกัน

พอลุงจะลงไปเล่นน้ำ ยืนมองดูบึงใหญ่นั่น
เห็นน้ำนิ่งสนิท มีกอบัวหลวง กับดอกบัวขึ้นหนาตา
ก็พลอยขนลุก นึกในใจ มันไม่มีตัวอะไรอยู่ในน้ำใช่ไหม

จนเพื่อนๆลงไปเล่นน้ำกันหมดแล้ว
เห็นไม่มีอะไร ลุงก็เลยลงไปเล่นน้ำด้วย
เล่นกันได้สักพัก  พระอาทิตย์ก็เริ่มจะตกดินแล้ว
มีกลุ่มผู้ใหญ่เขาก็เริ่ม ลงมาอาบน้ำที่บึง

ลุงเล่าว่ามีน้าผู้ชายคนหนึ่ง เขาเหมือนจะโชว์อ๊อฟ
ว่ายไปเก็บดอกบัว ดอกใหญ่ที่อยู่กลางบึง
พอถึงตรงดอกบัวดอกใหญ่นั้น แกก็ดำลงไป
จะไปเด็ดก้านดอกบัว

แล้วอยู่ๆแกก็พุงพรวดขึ้นมาจากน้ำ
ร้องเอ๊ อะโวยวาย รีบว่ายเข้าหาฝัง

ทุกคนที่เห็นต่างกรูเข้าไปช่วยลากแกขึ้นมาจากน้ำ
พอขึ้นมาจากน้ำได้
แกก็บอกว่า รีบขึ้นมาจากน้ำให้หมดเลย
เด็กๆก็พากันขึ้นมาจากน้ำกัน

แล้วแกก็บอกว่า ตอนแกดำลงไปจะเด็ดก้านบัว
แกเจอเงาอะไรไม่รู้ดำๆ แต่ว่าพอมันลืมตา
ตามันโตมาก  ใหญ่พอๆกับหัวคนเลย

ทุกคนฟังแล้วก็ได้แต่อึ้ง
แล้วก็มีคนหนึ่งถามแกว่า อำกันหรือเปล่านี่ ล้อเล่นใช่มะ
น้าคนนั้นก็บอกว่า โหใครจะมาล้อเล่น
ใครจะลงเล่นน้ำก็ลงเล่นเถอะนะถ้าไม่เชื่อ
เป็นอะไรไปแล้วอย่ามาหาว่าไม่เตือนแล้วกัน
แล้วแกก็ลุกเดินกลับไปที่เต็นท์แก

พวกเด็กๆก็พากันกลัวจนไม่มีใครกล้าลงเล่นน้ำอีก

หลังจากกินอะไรกันเสร็จ ก็พากันแยกย้ายเข้านอน
มีผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่ง นั่งคุยกันอยู่
พวกลุงก็ไม่ได้สนใจอะไร

พอตกดึก ลุงได้ยินเสียง คน ร้องเอะอะกัน ก็เลยรู้สึกตัวตื่น
เงี่ยหูฟังว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น
ก็ได้ยินเสียง เหมือนมีอะไรตกกระแทกน้ำ กระจาย
เสียงดังมาก เหมือนมีอะไรใหญ่ๆตกลงไปในน้ำ
ลุงกับเพื่อนเลยรีบ วิ่งออกไปดู
ปรากฏลุงกับเพื่อนเลยรีบ วิ่งออกไปดู
ปรากฏว่า
เห็น พวกผู้ใหญ่ สี่ห้าคน ยืนกันอยู่แถวๆริมบึง
แล้วก็มีผู้ใหญ่ส่วนหนึ่ง ยืนมองอยู่หน้าเต็นท์ตัวเอง
ไม่นานกลุ่มผู้ใหญ่ที่อยู่ริมบึง ก็วิ่งมาที่เต็นท์
แล้วก็ ตะโกนว่า

มันเอาไอ้ ดุ้ง ไปแล้ว

ลุงบอกว่า ช่วงนั้นชุลมุนกันอยู่พักหนึ่ง
เห็นคนแก่คนหนึ่งสั่งให้ทุกคน เข้าไปในป่า

แล้วน้าคนหนึ่งก็มาดึงแขนลุงกับเพื่อนลุง แล้วบอกว่า

ไปเร็ว

ลุงก็เลยบอกว่า เดี๋ยวๆ ไปเอากระเป๋าก่อน
แต่น้าคนนั้นก็บอกว่า ไม่ต้องแล้ว
แล้วก็ลากทั้งลุงกับเพื่อนเดินไปหากลุ่มผู้ใหญ่ ที่มารวมตัวกัน

พอรวมตัวกันเป็นกลุ่มได้ไม่นาน ทุกคนก็ออกเดินทาง
โดยมีคนแก่ๆคนหนึ่งนำทาง

ลุงบอกว่า ตอนนั้นในป่ามันมืดไปหมด จนต้องเอามือแตะตัวกันไว้
เสียงฝีเท้าที่เดินเสียดสีไปกับต้นหญ้า ดัง แซดๆ ตลอดทาง
พอเดินมาได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงเหมือน ต้นไม้ปริแตก ดัง แกร๊ก
แล้วก็ได้ยินเสียงเหมือนต้นไม้ใหญ่ๆ
มันหัก โค่นลงกระทบกับพื้นเสียงดัง ตึ่ม โครม
อยู่คล้อยหลังพวกลุงไกลๆ

เท่านั้นแหละ เสียงฝีเท้าที่ดังแซดๆ ก็ดูเหมือนว่า ดังถี่ขึ้น
เหมือนจะพากันเร่งฝีเท้า เป็นกึ่งวิ่งกึ่งเดินกัน

จนเสียง ต้นไม้หัก  เสียงต้นไม้ปริแตก ดังไล่หลังพวกลุงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
คราวนี้ก็กลายเป็น ทุกคนต่างพากันวิ่งไปตามๆกันไม่มีใครหยุดเดินเลย

จนลุงต้องถามน้าคนที่วิ่งอยู่ข้างๆ

เราจะไปไหนกันครับ

น้าที่อยู่ข้างๆไม่ได้ตอบอะไร นอกจาก พูดว่า
เร็วๆ

ลุงวิ่งมาได้ระยะหนึ่งก็เริ่มเหนื่อย จนต้องกึ่งวิ่งกึ่งเดิน
กลุ่มวัยรุ่นที่มาด้วยกันบางคนก็ วิ่งนำหน้าลุงกับเพื่อนไปก่อน
จนลุงเกือบๆจะอยู่รั้งท้าย

พอลุงมองกลับไปดูด้านหลัง
ก็เห็นชายคนหนึ่ง กึ่งวิ่งกึ่งเดินถือปืน คุมอยู่ด้านหลัง

ลุงก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นนายพรานคนนั้น ที่เขาฆ่างูเหลือมยักษ์
เพราะว่า ในคณะมีเพียงพรานคนนั้นคนเดียวที่มีปืน
นอกนั้น ก็จะมีแค่ผา หน้าไม้

แต่พอชายคนนั้นวิ่งเข้ามาใกล้ลุง
ลุงมองหน้าแล้วปรากฏว่า ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ พราน
แต่ลุงจำได้ว่า ปืนที่ถือคือปืนของนายพรานคนนั้น

ก็เลยถามผู้ชายคนนั้นว่า  พรานไปไหนแล้วครับ
ผู้ชายคนนั้นก็ตอบว่า

พรานดุ้งโดนมันเอาไปกินแล้ว  เร็วรีบไป

พอพากันวิ่งหนีมาได้สักพักใหญ่ๆ
ก็มาโผล่ตรงลานโล่ง จุดหนึ่ง
ลุงวิ่งออกมาจากในป่าแทบจะเป็นคนสุดท้าย
มีกลุ่มผู้ใหญ่วิ่งมาดึงแขนลุงให้ไปรวมตัวกับพวกเด็กๆ

ตอนนั้นลุงได้ยินเสียงต้นไม้หัก ต้นไม้โค่นล้ม ดังใกล้เข้ามามาก
แต่ยังไม่เห็นผู้ชายคนที่ถือปืนคุมท้าย วิ่งออกมาจากในป่า

สักพักก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ปัง  ปัง  สนั่นไปทั่วป่า
พอเสียง ปืน เงียบลง ทุกคนก็ยืนมองไปตรงทางที่เราออกมา

ลุงบอกว่า ขนลุงลุกซู่ไปทั้งตัว ตัวเย็นเฉียบ อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เพราะสิ่งที่เห็น เป็นเงาดำ สูงตระหง่าน อยู่หลังกลุ่มต้นไม้ใหญ่
เงาดำนั้นค่อยๆเลือนเด่นชัดขึ้น จนเริ่มมองเห็นตามัน ที่โตใหญ่เท่าลูกมะพร้าวก็ว่าได้
มันหยุดอยู่ แล้วชูคอ แผ่แม่เบี้ย ยกหัวสูงเกือบๆจะถึงยอดต้นไม้ใหญ่ ที่สูงพอๆกับตึกสามชั้น

ช่วงที่แสงไฟจาก คบเพลิง สะท้อนไปโดนตามัน เปร่งประกายออกมาเป็นแสงสีแดง
ลุงบอกว่าแทบจะฉี่ลาดเลย

ช่วงที่ทุกคนกำลังยืนมองกันอย่างอกสั่นขวัญแขวนอยู่นั้น
อยู่ๆชายคนที่ถือปืนรั้งท้ายกลุ่มก็วิ่งออกมาจากในป่า

พอทุกคนเห็นก็ต่างพากัน ร้องเร็วๆ เร็วๆ
แล้วชายคนนั้นก็วิ่งมารวมกลุ่มกับทุกคน

ลุงยืนดูสิ่งที่เห็นอยู่สักพัก แล้วเงาดำทะมึนนั้น ก็ค่อยๆเลือนหายไป
หันมามองในกลุ่ม
เห็นแต่พวกผู้ใหญ่ส่วนหนึ่ง นั่งพนมมือหันไปมองอีกด้าน
แล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่า

ท่านชีปะขาวมาช่วยพวกเราแล้ว

แล้วพวกผู้ใหญ่ก็ดึงมือลุงให้นั่งลง พนมมือไหว้
ลุงมองไปตามทางข้างหน้า
เห็นคนคนหนึ่ง ตัวเล็กเท่าเอวน่าจะได้
จะว่าเป็นคนแคระก็ไม่ใช่ เพราะสัดสวนก็เหมือนคนปกติ
เพียงแต่ว่าไม่สูง
เหมือนเด็กๆ สัก ป2 ป3
แต่มีหนวดเครายาว อยู่ในชุดนุ่งขาว ห่มขาว

พอเหตุการณ์สงบลง
ไม่มีใครกล้าถามว่า สิ่งที่ไล่ตามมาคืออะไร
แต่ก็มีกลุ่มผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่ง คุยอยู่กับ ท่านชีปะขาว
ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน

แต่ได้ยินท่านตอบกลับกลุ่มคนเหล่านั้นว่า
จะเอาชีวิตไว้ หรือจะกลับไปเอาของ

นั้นหมายถึงว่า ถ้าเรากลับไปเอาของที่เต็นท์พัก
ก็หมายถึงว่าเราจะตายกันหมด
เลยทำให้ คนแก่ที่เป็นคนนำกลุ่ม ตัดสินใจ กลับออกมาจากป่าเลย

รอจนกระทั่ง เช้า
ท่านชีปะข่าวก็ชี้ทางให้ว่า จะออกจากป่าตรงนั้นได้จากทิศไหน
แล้วก็ชี้มือไป ในทิศหนึ่ง

พอพวกคณะจะลาท่านชีปะขาว
อยู่ๆก็มีน้าคนหนึ่ง พูดว่า
พวกเราจะลาท่านชีปะขาวแล้ว
อาจารย์พอจะมีของดีของขลังฝากเอาไว้เป็นที่เตือนใจ
เตือนสติบ้างไหมครับ

ท่านชีปะขาวก็พยักหน้ายิ้ม
แล้วก็บอกว่าท่านจะให้ กับผู้ที่บริสุทธิ์เท่านั้น
ลุงบอกว่า หมายถึงคนที่ยังไม่เคยเสียตัว

พอไล่เรียงกันอยู่ในกลุ่มนั้นแล้ว ก็ปรากฏว่า
มีลุงกับเพื่อนลุงแล้วก็วัยรุ่นอีกคนที่อยู่ในข่าย

แล้วท่านชีปะขาวก็ให้ของดีลุงมา
พอเรียกลุงให้เข้าไปหาท่าน ท่านก็บอกให้แบมือ
แล้วท่านก็เอาก้อนหินสีดำๆใส่ไว้ในมือลุง
บอกให้ลุงกำไว้
แล้วท่านก็ท่องคาทา สักพัก ก็บอกให้ลุงแบมือ
พอลุงแบมือ ปรากกฏว่า หินสีดำนั้นหายไปแล้ว

หลังจากกลับออกมาจากป่านั้นได้
ไม่นานลุงก็ย้ายที่อยู่ไปอยู่ที่อื่น
เลยทำให้ขาดการติดต่อกับเพื่อนลุงคนนั้น

พอเพื่อนเล่าจบ ผมก็พูดขึ้นว่า
โห ลุงแกโม้หรือเปล่าวะ อย่างกะหนังผจญภัย

เพื่อนก็บอกว่าที่แรก ก็คิดแบบนั้นแหละว่าลุงแกโม้
แต่สุดท้ายลุงแกก็โชว์ของดีที่ได้จากชีปะขาวให้ดู

ผมก็ถามว่า เออ แล้วตกลง ของดีทีว่าคืออะไรวะ

เพื่อนก็ตอบว่า
ลุงให้จับดูตรงต้นแขนลุง มันเป็นก้อนแข็งๆเหมือนหิน
ฝังอยู่ในต้นแขนลุง

ข้าก็เลยถามลุงไปว่า แล้วมันใช้ทำอะไรอะลุง

ลุงก็เล่าให้ฟังว่า ใช้ป้องกันสัตว์เลื้อยคลานมีเขี้ยวมีพิษทุกชนิดกัด

ตอนนั้นก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นะ

แต่แกเล่าเรื่องนี้ให้ลูกหลานทุกคนฟังแหละ
ไม่มีใครเชื่อแก
จนวันหนึ่ง มีงูจงอางตัวใหญ่ โผล่มาที่หลังบ้านเพื่อนบ้าน
มีคนไปมุงดู  รอหน่วยกู้ภัยมา
ช่วงที่กำลังรออยู่
อยู่ๆลุงมาจากไหนไม่รู้ เดินไปดึงหางงูจงอางตัวนั้นออกมาจากที่ซอก

มันก็เลื้อยออกมาตั้งท่าจะฉกลุง ชูคอสูงเกือบๆเมตร
แต่ลุงไม่กลัวเลย
ค่อยๆยื่นมือไปลูปหัวมัน
แล้วมันก็ค่อยๆ เลื่อนตัวลงต่ำ แล้วก็หมอบไปกับพื้น
แล้วลุงก็จับมัน

นั้นแหละ ผมถึงเชื่อสนิทเลย

เชื่อไหม วันที่ลุงเสียนะ
จำได้ว่า
ลุงบอกว่าให้ผมจับหินที่ฝังอยู่ที่แขนลุง เพียงคนเดียวเท่านั้น
แสดงว่าคนอื่นไม่รู้ว่าลุงมีหินนั้นอยู่ในตัว
วันที่เผาศพลุง
ผมนี่ลงทุนไปเฝ้าเตาเผาศพลุงทั้งคืนเลย
กะว่า พอสัปเหร่อเปิดเตาเผานี่ ผมคนแรกเลยจะได้ไปเก็บเถ้าลุง
ตั้งใจเลย ต้องเจอหินก่อนนั้นแน่

พอเพื่อนเล่ามาถึงตรงนี้
ด้วยความอยากรู้ ก็เลยรีบถามไปว่า
เฮ้ย..! แล้วเป็นไง   เจอไหม ?

เพื่อนก็บอกว่า ..
พอถึงเวลาจะเก็บเถ้ากระดูกลุง
ญาติๆดันแห่มาจากไหนไม่รู้มาแย่งกันเก็บเถ้าลุงกันใหญ่
สรุป ก็เลยไม่ได้
ไม่รู้ว่ามีคนเจอไหม หรือว่า หาไม่เจอก็ไม่รู้เหมือนกัน

ผมก็เลยหัวเราะเพื่อน
โห ลงทุนไปเฝ้าทั้งคืนเลยนะ แฮ้ว ซะงั้น

5555555

พอผมพูดจบทุกคนก็หัวเราะตาม
พลอยทำให้เพื่อนผม  ยิ้ม ออกมาอย่าง อายๆ

อ้าว เล่าเรื่อง สยอง ดันมาเป็นเรื่องตลกซะงั้น

แต่พี่ผู้ชายคนนั้นกับแฟนแกก็ชมเพื่อนว่า
เล่าเรื่องได้ตื่นเต้นดี  ได้กลิ่นอายของการผจญภัยเลยทีเดียว

พอสิ้นเสียงหัวเราะของพวกเรา
เสียงชายคนที่มาใหม่ นั่งอยู่ตรงกองฟืน ก็แทรกขึ้น

ถ้าเล่าเรื่องสยองกันอยู่  ผมก็พอมีเรื่องแนวๆนี้อยู่บ้าง

ทุกคนหันกลับไปมองชายคนนั้น
สภาพอยู่ในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งยืน พิงกองฟืนอยู่

เพื่อนผมก็เลยพูดว่า
เอาเลยพี่ เล่าเลย 

ยังพูดไม่ทันจบ เสียงฟ้าร้องก็ดัง ครืนๆ มา
แล้วก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่า เปรี๊ยง เสียงดัง แรงมาก
เหมือนมัน ผ่าลงมาใกล้ๆ แถวนี้
พลอยทำให้ทุกคนสะดุ้งโหยงไปตามๆกัน

สิ้นเสียงฟ้าร้อง
ชายคนนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องราวของเขา ว่า

มีคู่รักหนุ่มสาวอยู่คู่หนึ่ง มาเที่ยวในป่า
ทั้งสองเป็นคู่รักที่ดูเหมือนจะพึ่งข้าวใหม่ปลามัน
เดินจูงไม้จูงมือ หัวล่อต่อกระซิบกันไปมาอยู่ในป่า ด้วยความสุข

โดยที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่า
กำลังตกอยู่ในเป้าสายตาของผู้ชายคนหนึ่งอยู่

สายตาคู่นั้นมองทั้งสองอยู่ห่างๆ ด้วยความอิจฉา
แล้วก็ค่อยๆเดินตามชายหญิงคู่นั้นมาตลอดทาง

จนพอเข้าไปในระยะที่พอสังเกตเห็น
คู่รักทั้งสองก็พยายามมองคนที่เดินตามมา ด้วยความสงสัย
แล้วชายที่ตามมาก็ ทำเป็นกลบเกลื่อน เดินเข้าไปหา ขอยืมไฟแช็กเพื่อจะต่อบุหรี่

ช่วงที่ได้หยุดพูดคุยกัน ชายแปลกหน้าที่ตามมา 
แทบ ไม่ลดละสายตาที่มองฝ่ายหญิงเลย
อาจจะด้วยเพราะ ฝ่ายหญิงเป็นคนหน้าตาผิวพรรณดี 
จึงทำให้ชายแปลกหน้า หลงใหลได้ปลื้มในตัวเธอเป็นยิ่งนัก
ประหนึ่งเหมือนว่า เธอเป็นของของเขาแล้ว

หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง
ชายแปลกหน้าคนนั้นก็ขอร่วมเดินทางไปด้วย
โดยเขาขออาสา ว่า  จะพาไปดูจุดที่สวยที่สุดในละแวกนี้
ที่มีลำธารน้ำใส และมีป่าที่สมบูรณ์สวยงาม
เหมาะแก่การถ่ายรูป

ทั้งสองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร แล้วก็ร่วมเดินทางไปกับชายแปลกหน้าคนนั้น

ระหว่างเดินทางนั้น
ชายแปลกหน้าคนนั้นบอกว่าเขาเคยไปเป็นทหารมาก่อน ก่อนจะลาออก
แล้วมาทำธุรกิจเล็กๆ พอมีพอกินเลี้ยงตัวเองได้

คู่หนุ่มสาวทั้งสอง ออกจะพูดน้อยไปหน่อย
ได้แต่เงียบฟังชายแปลกหน้าคนนั้นพูดพล่ามไม่หยุด

จนมาถึงจุดนั่งพักจุดหนึ่ง หลังจากที่ชายแปลกหน้าหายเข้าไปในป่า
ฝ่ายหญิงก็พูดกับแฟนของตัวเองว่า
ฉันว่า เราน่าจะขอแยกทางกับผู้ชายคนนี้ดีกว่า
ดูเขาพูดแล้ว มีหลายอย่างไม่น่าไว้วางใจเลย
ชายคู่รักได้ฟังก็เห็นด้วย แล้วก็บอกว่า
ถ้าเขากลับมา เราจะบอกว่าเราจะไปอีกทางหนึ่งกัน

ไม่นาน ชายแปลกหน้า ก็ออกมาจากป่า
พร้อมกับหิ้วกระตายตัวหนึ่งมาด้วย
เขาโชว์กระต่ายที่ตายแล้วให้ ทั้งคู่ดู บอกว่า
หม่ำมื้อเที่ยงกันไหม แล้วก็หัวเราะ 5555

พอชายแปลกหน้าคนนั้นเดินมาใกล้ๆ ทั้งสองก็เลยตัดสินใจ
บอกกับเขาว่า
เราจะแยกไปอีกทางหนึ่ง คงต้องเจอกันแค่นี้หละ

ชายแปลกหน้า ทำหน้าตกใจเล็กหน่อย ก่อนจะพูดว่า

อ๋อ เอางั้นหรือครับ ไม่เป็นไร
แต่ก่อนจะไป
อยากให้ลองชิมฝีมือผม ย่างกระต่ายก่อนนะ ค่อยแยกย้ายกัน

หนุ่มสาวมองหน้ากัน แล้วก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
ก็เลยนั่งลง มองดู ชายแปลกหน้าคนนั้นถลกหนังกระต่าย
แล่เนื้อ เอาเกลือทา แล้วก็ ก่อไฟย่างกระต่าย อย่างชำนาญ

ครู่ใหญ่
เขาก็เอามีดหันเนื้อกระต่ายใส่กับใบไม้มาให้ทั้งคู่กินกัน
ช่วงที่นั่งกินเนื้อกระต่าย
ชายแปลกหน้าคนนั้นก็ได้แต่มองหน้าผู้หญิงคนนั้น
แล้วก็ยิ้มให้แบบแปลกๆ จนฝ่ายหญิงเริ่มรู้สึกไม่ดี ไม่กล้าสบตา

สักพัก ก็เลยขอตัว เดินแยกออกมาจากชายแปลกหน้าคนนั้น

หลังจากที่ทั้งสองเดินออกมาจากจุดพักตรงนั้น
จนคิดว่าน่าจะมาไกลพอที่ชายคนนั้นจะไม่ได้ยินเสียงของเขาทั้งสองแล้ว

ฝ่ายหญิงก็พูดขึ้นว่า
ฉันรู้สึกเหมือนผู้ชายคนนั้นมองฉันแปลกๆตลอดเวลาเลย
ชายหนุ่มที่เป็นแฟนก็บอกว่า
อืม ฉันก็รู้สึกว่าเขาสนใจเธอเป็นพิเศษ และเขาก็ช่างจ้อได้เก่งมากๆ
ฝ่ายหญิงก็สมทบอีกว่า ใช่ ฉันละไม่ชอบเลยคนแบบนี้

ระหว่างที่ทั้งสองคุยกันไป ก็หารู้ไม่ว่า
ชายแปลกหน้าได้สะกดลอยตามมาแบบลับๆ
และได้ยินทุกอย่างที่ทั้งสองนินทาเขา

เดินทางมาได้สักระยะหนึ่งพอทั้งสองจะนั่งพัก 
เปิดกระเป๋าเอาน้ำมาดื่ม ด้วยความกระหาย

ก็ปรากฏว่า น้ำที่เตรียมมาในกระติกสนาม 
มันหมดเกลี้ยงเลย ทำให้ทั้งสองตกใจ

เฮ้ย น้ำทำไมมันหมดได้ 
จำได้ว่าเราดืมกันครั้งสุดท้าย มันก็ยังเหลืออยู่เกือบๆครึ่งนะ

พอยืนมองหน้ากัน ก็ทำให้ทั้งสองสงสัย
หรือว่าจะเพราะชายแปลกหน้าคนนั้น แอบมาเทน้ำทิ้ง
ตอนที่ใช้เราสองคนไปตัดใบไม้มาให้เขา

พอคิดได้ดังนั้น
ก็ทำให้ทั้งสองโมโหชายแปลกหน้าคนนั้นมาก

ไม่น่าทำกันได้

หลังจากตั้งสติได้ ชายคนรักก็ชวนให้เดินไปหา ลำธารกัน
เพราะชายแปลกหน้าคนนั้นบอกว่ามีลำธารอยู่แถวๆตีนเขาลูกนั้น
ว่าแล้วทั้งสองก็มุ่งหน้า เดินไปยังเป้าหมายที่ตั้งใจ

ระหว่างเดินทางไปหาแหล่งน้ำ
ทั้งสองก็เจอกับซอกหุบเขาเล็กๆ มีคนตัดกิ่งไม้ มาสุ่มๆ กั้นทางไว้
ไม่ให้เดินไป ถ้าจะไปก็ต้องปีนขึ้นไปตรงซอกหุบเขานั้น

แต่มองไปไม่ไกลก็มีธารน้ำอยู่ด้านหน้า
ชายหนุ่มคนรักก็เลย บอกให้ฝ่ายหญิงรออยู่ตรงนั้นก่อน
แล้วตัวเขาเองก็เดิน  อ้อมไปอีกทาง

หญิงคนนั้นรอผู้ชายอยู่พักหนึ่ง ก็ไม่เห็นมาสักที
จึงร้องเรียกแฟน อยู่ตรงนั้น
สักพัก ก็เห็น ผู้ชายคนหนึ่ง เดินออกมาจากป่าข้างๆ
พอมาถึงใกล้ๆ เธอจึงจำได้ว่า
ชายคนนั้น ก็คือ ชายแปลกหน้าที่เธอเจอนั้นเอง

ชายแปลกหน้าเดินมา หาเธอ ด้วยสีหน้าที่ตกใจ
แล้วก็บอกว่า แฟนเธอ โดนงูกัด ล้มฟุ๊บ อยู่ตรงข้างๆ ธารน้ำ

พอหญิงสาวได้ยินดังนั้น ก็ตกใจ
รีบถามว่า เขาอยู่ตรงไหน

ชายแปลกหน้าก็บอกว่า
อยู่ทางนี้ตามผมมา......

หู๊ย!!!! กำลังสนุกเลยแต่ก็จบซะแล้วไว้รับชม EP หน้านะครับเป็นตอนจบแล้วแล้วพีคมากๆเลยถ้าไม่พีคด่าผมได้เต็มที่เลยครับผมแล้วก็ถ้าชอบอย่าลืมกดไลค์กดติดตามพวกเราด้วยนะครับผมเพื่อเป็นกำลังใจและ comment พูดคุยกันได้เลยครับผมผมจะมาตอบอย่างแน่นอนสำหรับวันนี้ต้องขอตัวไปก่อนสวัสดีคร๊าบบ🙏

ติดต่องานโฆษณา & รีวิวสินค้า: เพจเรื่องผีขยี้ขวัญ หรืFacebook แอดนิล ขยี้ขวัญ ดั้ยเล๊ยจ้า

ขออนุญาตฝากช่อง YouTube หน่อยนะจ๊ะ🙏🙏🙏

YOUTUBE เรื่องผี ขยี้ขวัญ :

https://-youtube.com/channel/UCXzuPITJdiasIFVOSN4YxBQ

YouTube ขยี้ขวัญ ไดอารี่ :

 https://-youtu.be/yaWQHpimd30

You cannot view this attachment.